ส่วนที่สอง
บทภาวนา “ข้าแต่พระบิดา”
ขององค์พระผู้เป็นเจ้า
2759 “วันหนึ่ง พระเยซูเจ้าทรงอธิษฐานภาวนาอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง เมื่อทรงอธิษฐานจบแล้ว ศิษย์คนหนึ่งทูลพระองค์ว่า ‘พระเจ้าข้า โปรดสอนเราให้อธิษฐานภาวนาเหมือนกับที่ยอห์นสอนศิษย์ของเขาเถิด’” (ลก 11:1) องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตอบสนองคำขอนี้และทรงมอบบทภาวนาพื้นฐานของคริสตชนให้แก่บรรดาศิษย์และทรงฝากไว้กับพระศาสนจักรของพระองค์ นักบุญลูกามอบตัวบทของคำภาวนาบทนี้แบบสั้น (ซึ่งประกอบด้วยคำขอห้าข้อ)[1] นักบุญมัทธิวมอบคำภาวนาแบบยาวกว่า (มีคำขอเจ็ดข้อ)[2] ธรรมประเพณีด้านพิธีกรรมของพระศาสนจักรยึดถือตัวบทของนักบุญมัทธิวไว้ (มธ 6:9-13) ดังนี้
ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย พระองค์สถิตในสวรรค์
พระนามพระองค์จงเป็นที่สักการะ
พระอาณาจักรจงมาถึง
พระประสงค์จงสำเร็จในแผ่นดินเหมือนในสวรรค์
โปรดประทานอาหารประจำวันแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายในวันนี้
โปรดประทานอภัยแก่ข้าพเจ้าเหมือนข้าพเจ้าให้อภัยแก่ผู้อื่น
โปรดช่วยข้าพเจ้าไม่ให้แพ้การผจญ
แต่โปรดช่วยให้พ้นจากความชั่วร้ายเทอญ
2760 ธรรมเนียมด้านพิธีกรรมตั้งแต่ในสมัยแรกๆ สรุปบทภาวนาขององค์พระผู้เป็นเจ้านี้ด้วย “บทยอพระเกียรติ” (Doxologia) ซึ่งในหนังสือ Didache เป็นข้อความว่า “เพราะพระอานุภาพและพระสิริรุ่งโรจน์เป็นของพระองค์ตลอดนิรันดร”[3] ในหนังสือ “ข้อกำหนดของอัครสาวก” (Constitutiones apostolicae) เพิ่มคำว่า “พระอาณาจักร”[4] ไว้เป็นคำแรก และสูตรนี้ยังคงรักษาไว้ในการอธิษฐานภาวนาคริสตศาสนสัมพันธ์ร่วมกัน ธรรมประเพณีไบซันตินเพิ่มวลี “ของพระบิดา และพระบุตร และพระจิตเจ้า” ไว้หลังคำว่า “พระสิริรุ่งโรจน์” หนังสือมิสซาจารีตโรมันขยายความของคำวอนขอสุดท้าย[5] เป็นการกล่าวอย่างชัดเจนถึงการรอคอยการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราด้วยความหวังที่ให้ความสุข[6] ต่อจากนั้นจึงตามด้วยการโห่ร้องของประชาชน หรือบทยอพระเกียรติของ “ข้อกำหนดของอัครสาวก” (“เหตุว่าพระอาณาจักร พระอานุภาพและพระสิริรุ่งโรจน์เป็นของพระองค์ตลอดนิรันดร”)
[1] เทียบ ลก 11:2-4.
[2] เทียบ มธ 6:9-13.
[3] Didache, 8, 2: SC 248, 174 (Funk, Patres apostolici 1, 20).
[4] Constitutiones apostolicae, 7, 24, 1: SC 336, 174 (Funk, Didascalia et Constitutiones Apostolorum 1, 410).
[5] Cf Ritus Communionis [Embolismus]: Missale Romanum, editio typica (Typis Polyglottis Vaticanis 1970) p. 472.
[6] เทียบ ทต 2:13.