คู่มือแนะแนวการสอนคำสอน - DIRECTORY FOR CATECHESIS (2020)

3. การสอนคำสอนในขอบเขตของคนหนุ่มสาว

244.       มีความเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งระหว่างความเป็นไปได้ในการนำเสนอความเชื่อต่อคนหนุ่มสาวและพระศาสนจักรเต็มใจที่จะได้รับการฟื้นฟู ซึ่งหมายถึง การรักษาตัวเองให้อยู่ในกระบวนการของการกลับใจฝ่ายจิต การอภิบาล และการเป็นธรรมทูต “หากพวกเขาใช้ความสามารถอันดีเยี่ยมของพวกเขาในการฟื้นฟู เพื่อกระตุ้นและเรียกร้องให้มีประจักษ์พยานที่คงเส้นคงวา ที่คอยรักษาความฝัน และคอยนำเสนอความคิดใหม่ๆ”[18] สามารถช่วยชุมชนของพระศาสนจักรให้เข้าใจการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมในสมัยของเราและปลูกฝังความไว้วางใจและความหวัง ทั้งชุมชนมีภารกิจในการถ่ายทอดความเชื่อและ   เป็นประจักษ์พยานถึงความเป็นไปได้ในการดำเนินชีวิตร่วมกับพระคริสตเจ้า การอยู่ร่วมกันของพระเยซูเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้ากับศิษย์สองคนที่เอมมาอูส การเดินไปกับพวกเขา พูดคุยกับพวกเขา  เป็นเพื่อนร่วมทาง  ช่วยเปิดตาพวกเขา  เป็นที่มาของแรงบันดาลใจในการเดินไปกับคนหนุ่มสาว  ภายในพลังเหล่านี้เราต้องประกาศพระวรสารต่อโลกของคนหนุ่มสาวด้วยความกล้าหาญและความคิดสร้างสรรค์ ชีวิตศีลศักดิ์สิทธิ์และการเป็นเพื่อนร่วมทางฝ่ายจิตต้องได้รับการนำเสนอ  ขอบคุณการเป็นคนกลางของพระศาสนจักรที่ทำให้คนหนุ่มสาวสามารถค้นพบความรักส่วนตัวกับพระบิดาและความเป็นเพื่อนร่วมเดินทางของพระเยซูคริสตเจ้า  และการมีชีวิตในช่วงเวลานี้อย่างเป็นพิเศษของชีวิต “ที่เหมาะกับอุดมคติที่ยิ่งใหญ่  ไปสู่ความกล้าหาญในรูปแบบของความใจกว้าง   ตามความต้องการของความคิดและการกระทำที่สอดคล้องกัน”[19]

 

245.       การสอนคำสอนในโลกของคนหนุ่มสาวต้องการการฟื้นฟู การเสริมกำลัง และการทำให้เป็นจริงอย่างต่อเนื่องในบริบทอันกว้างใหญ่ของการเอาใจใส่   การอภิบาลเยาวชน สิ่งนี้จำเป็นต้องมีลักษณะเฉพาะด้วยพลังของการรับฟังใน เชิงอภิบาลและเชิงสัมพันธ์  การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น  ความรับผิดชอบร่วมกันและการรับรู้ถึงการยืนยันตนเองในวัยหนุ่มสาว แม้ว่าจะไม่มีขอบเขตที่ชัดเจนและแนวทางตามแบบฉบับของแต่ละวัฒนธรรมมีบทบาทที่ชัดเจน การแบ่งช่วงเวลาของเยาวชนออกเป็นช่วงก่อนวัยรุ่น วัยรุ่น เยาวชน และวัยผู้ใหญ่ตอนต้นก็มีประโยชน์ เป็นสิ่งสำคัญมากในการพัฒนาการศึกษาโลกของคนหนุ่มสาวโดยผสมผสานการมีส่วนร่วมของการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และคำนึงถึงสถานการณ์ในประเทศที่แตกต่างกัน การพิจารณาลักษณะทั่วไปอย่างหนึ่งเกี่ยวกับคำถามเรื่องภาษาของคนหนุ่มสาว โดยทั่วไปแล้วคนรุ่นใหม่มักมีความโดดเด่นด้วยสื่อทางสังคมและสิ่งที่เรียกว่าโลกเสมือนจริง  คนรุ่นก่อนไม่มีโอกาสนี้ แต่ในขณะเดียวกันมันก็มีอันตราย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพิจารณาว่าประสบการณ์ของความสัมพันธ์ที่มีสื่อกลางโดยเทคโนโลยีอาจจัดโครงสร้างความคิดของโลก  ของความเป็นจริง  และความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลได้อย่างไร ด้วยเหตุนี้กิจกรรมการอภิบาลจึงมีความจำเป็นเร่งด่วนเพื่อปรับการสอนคำสอนสำหรับคนหนุ่มสาว  การแปลสารของพระเยซูเจ้าเป็นภาษาของพวกเขา

 

การสอนคำสอนกับวัยก่อนวัยรุ่น

246.       มีสัญญาณหลายอย่างที่เปิดเผยให้เห็นถึงความเป็นวัยก่อนวัยรุ่น[20]  เป็นช่วงชีวิตที่โดดเด่นด้วยพลังของเรื่องราวการผ่านจากสถานการณ์ที่ปลอดภัยและคุ้นเคยไปจนถึงสิ่งใหม่และยังไม่ได้สำรวจ ในแง่หนึ่งสิ่งนี้สามารถทำให้เกิดความเข้มแข็งและความกระตือรือร้น แต่ในอีกด้านหนึ่งก็ทำให้เกิดความสับสนและความฉงนสนเท่ห์  วัยก่อนวัยรุ่นมีลักษณะเฉพาะด้วยการผสมผสานระหว่างอารมณ์ที่ขัดแย้งและความผันผวน ซึ่งในความเป็นจริงเกิดขึ้นจากความต้องการในการวัดตัวเอง เพื่อทดลอง เพื่อทดสอบตัวเอง เพื่อกำหนดนิยามใหม่ในฐานะตัวเอกและเป็นอิสระ  เป็นเอกลักษณ์ที่มุ่งมั่นที่จะเกิดใหม่  ในความเป็นจริงในช่วงระยะเวลานี้   พร้อมกับการพัฒนาที่มีประสิทธิภาพของมิติทางร่างกายและอารมณ์  กระบวนการที่ช้าและอุตสาหะของการปรับตัวส่วนบุคคลเริ่มก่อตัว

 

247. วัยก่อนวัยรุ่นเป็นช่วงเวลาที่ภาพลักษณ์ของพระเจ้าที่ได้รับในวัยเด็กถูกปรับเปลี่ยนใหม่ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่การสอนคำสอนควรมาพร้อมกับการผ่านที่ละเอียดอ่อนนี้ และเป็นไปได้ที่พัฒนาสู่อนาคตด้วยความระมัดระวัง การใฝ่หาความช่วยเหลือจากการวิจัยและเครื่องมือทางวิทยาการของมนุษย์   โดยไม่กลัวที่จะมุ่งเน้นการนำเสนอความเชื่อที่เป็นเนื้อแท้ต่อเด็กวัยก่อนวัยรุ่นต้องเจ็บปวดเพื่อหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งวิสัยทัศน์ของพระเจ้าภายในใจของพวกเขาที่สามารถทำให้สุกงอมเมื่อเวลาผ่านไป การแสดงการประกาศเรื่องพระเยซูเจ้า(kerygma) ต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อพระเยซูเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าในฐานะพี่ชายที่รัก(เรา) ในฐานะเพื่อนคนหนึ่งที่ช่วยให้ความสัมพันธ์ที่ดีที่สุดไม่ตัดสิน มีความซื่อสัตย์ มีทักษะที่มีคุณค่าและความฝัน นำความปรารถนาแห่งความงามและความดีมาสู่ความสำเร็จ ยิ่งกว่านั้น การสอนคำสอนเป็นการเร่งเร้าให้ตระหนักถึงการยืนยันตนเองของวัยก่อนวัยรุ่น เพื่อสร้างบริบทของความสัมพันธ์ในกลุ่มที่มีความหมาย เพื่อสร้างบรรยากาศที่ยินดีต้อนรับคำถามและนำไปสู่การสัมผัสกับการนำเสนอพระวรสาร วัยก่อนวัยรุ่นสามารถเข้าสู่โลกของประสบการณ์ของคริสตชนได้ง่ายขึ้นด้วยการค้นพบว่าพระวรสารสัมผัสอย่างแม่นยำกับพลังความสัมพันธ์และความรู้สึกซึ่งเขามีความอ่อนไหวเป็นพิเศษครูคำสอน สามารถเป็นที่ไว้วางใจและรอคอย ต้องให้ความสำคัญกับความสงสัยและความวิตกกังวลของวัยก่อนวัยรุ่น โดยกระทำตนเป็นเพื่อนร่วมทางที่รอบคอบ

 

การสอนคำสอนกับวัยรุ่น

248. วัยรุ่นเป็นช่วงระยะเวลาของชีวิตที่ดำเนินไปตั้งแต่อายุ 14 ถึง 21 ปี และบางครั้งก็ยังคงดำเนินต่อไป มีลักษณะเฉพาะของแรงผลักดันเพื่อความเป็นอิสระ และในขณะเดียวกันมีความกลัวที่จะเริ่มแยกตัวออกจากบริบทของครอบครัวสิ่งนี้ก่อให้เกิดความต่อเนื่องไปๆ มาๆ ระหว่างการระเบิดของความกระตือรือร้นและความล้มเหลว “วัยรุ่นกำลัง... อยู่ในการเคลื่อนไหว การผ่าน... พวกเขากำลังประสบกับความตึงเครียดนี้อย่างแน่นอน ก่อนอื่นจากภายในตัวของพวกเขาเองและแล้วจึงกับคนที่อยู่รอบๆ พวกเขา” แต่ “วัยรุ่นไม่ใช่ความผิดปกติที่เราต้องต่อสู้ มันเป็นเรื่องปกติ เป็นส่วนที่เป็นธรรมชาติของการเติบโต ของชีวิตคนหนุ่มสาวของเรา”[21] ดังนั้นจึงเป็นความห่วงใยของชุมชนและของครูคำสอนที่จะทำให้มีที่ว่างในตัวพวกเขาเองสำหรับการเข้าใจและการยอมรับโดยไม่ตัดสิน และด้วยความกระตือรือร้นด้านการศึกษาอย่างจริงใจ วัยรุ่นค้นหาอิสรภาพ เริ่มจัดช่องทางสู่แผนการของชีวิตที่เปิดกว้างและกล้าหาญ

 

249.       ในการเดินทางแห่งความเชื่อ วัยรุ่นต้องการประจักษ์พยานที่มั่นใจและ  น่าสนใจอยู่เคียงข้างพวกเขา ความท้าทายประการหนึ่งของการสอนคำสอนคือการขาดประจักษ์พยานยืนยันความเชื่อจากที่ที่เขาอาศัยอยู่ในครอบครัวและกลุ่มสังคมที่พวกเขามา ยิ่งกว่านั้น การที่วัยรุ่นมาวัดลดลงขึ้นอยู่กับคุณภาพของสิ่งที่เรานำเสนอให้พวกเขาในช่วงวัยเด็ก  ทั้งหมดนี้สำคัญ  เช่นเดียวกับการมีสิ่งน่ายินดีและมีความหมายเพื่อมอบให้กับพวกเขา ในขณะเดียวกัน วัยรุ่นก็ทดสอบความแท้ของบุคคลที่เป็นผู้ใหญ่และต้องการบาทหลวง ผู้ใหญ่ และเพื่อนที่มี    อายุมากกว่า ที่พวกเขาสามารถมองเห็นความเชื่อที่ออกมาจากชีวิตได้อย่างมีความยินดีและสม่ำเสมอ  ชุมชนต้องสนใจเลือกบุคคลที่สามารถที่สุดมารับใช้ด้านการสอนคำสอน มีความสัมพันธ์กับโลกของพวกเขา โดยส่องสว่างด้วยแสงและความยินดีแห่งความเชื่อ เป็นสิ่งสำคัญที่การสอนคำสอนจะต้องถูกดำเนินการโดยเป็นส่วนหนึ่งของการอภิบาลคนหนุ่มสาว  และด้วยความหมายอย่างชัดเจนทางการให้ความรู้และกระแสเรียก ในบริบทของชุมชนคริสตชนและสภาพแวดล้อมในชีวิตของวัยรุ่นอื่นๆ

 

การสอนคำสอนกับคนหนุ่มสาว

250.       การเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมและสังคมอย่างรวดเร็วยังส่งผลกระทบต่อคนหนุ่มสาวด้วย  ในบางส่วนของโลกอิทธิพลของสังคมผู้บริโภคและสังคมระบบคุณธรรม (meritocratic : หลักการบริหารที่เน้นความรู้ความสามารถของบุคคลเป็นหลัก)  ผลักดันให้หลายคนบรรลุระดับการศึกษาเฉพาะทางเพื่อไปสู่เป้าหมายในฐานะผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะ  ด้วยเหตุนี้คนหนุ่มสาวจำนวนมากจึงรู้สึกว่าจำเป็นที่จะต้องย้ายถิ่นฐานเพื่อทำงานเฉพาะและศึกษาประสบการณ์ ในขณะที่คนอื่นๆ อีกมากมายขาดแคลนงาน ตกอยู่ในความรู้สึกไม่มั่นคง ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความผิดหวังและเบื่อหน่ายได้ง่าย และในบางครั้งอาจก่อให้เกิดความปวดร้าวและความซึมเศร้า  ในประเทศที่มีการด้อยพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องและจากความขัดแย้ง ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดการเคลื่อนไหวอพยพจำนวนมากในขณะเดียวกันคนหนุ่มสาวรู้สึกขาดความหวังโดยทั่วไปที่เกี่ยวกับอนาคตของพวกเขาและถูกบังคับให้อยู่ในสภาพชีวิตที่มักจะทำให้อัปยศอดสู

 

251.       จากมุมมองของประสบการณ์ศาสนาเราสามารถสังเกตได้หลากหลาย คนหนุ่มสาวจำนวนมากแสดงแรงผลักดันไปสู่การค้นหาความหมาย ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน  การมีส่วนร่วมทางสังคม  พวกเขามักเปิดกว้างสำหรับการปฏิบัติศาสนาและมีความอ่อนไหวต่อชีวิตฝ่ายจิตที่แตกต่างกัน ด้วยความเคารพต่อประสบการณ์ของพระศาสนจักร ในช่วงนี้ของชีวิตหลายคนละทิ้งพระศาสนจักร หรือแสดงความเฉยเมยหรือไม่ไว้วางใจต่อพระศาสนจักร สิ่งที่ต้องพิจารณาในบรรดาสาเหตุ คือการขาดการเป็นประจักษ์พยาน ความน่าเชื่อถือ การส่งเสริมฝ่ายจิตและศีลธรรมในส่วนของครอบครัว หรือการสอนคำสอนที่ไม่เพียงพอ และชุมชนคริสตชนที่แทบไม่มีความหมาย อย่างไรก็ตาม เป็นความจริงเช่นเดียวกันที่คนหนุ่มสาวจำนวนมากมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันและกระตือรือร้นในชีวิตของพระศาสนจักร  ในประสบการณ์การเป็นธรรมทูตและการรับใช้  และนำไปสู่ชีวิตการสวดภาวนาที่แท้จริงและเข้มข้น

 

252.       พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรง “ทำให้ระยะการเป็นเยาวชนศักดิ์สิทธิ์จากความจริงที่เขาดำเนินชีวิตนั้น”[22] ในการพบปะกับคนหนุ่มสาวตลอดช่วงการปฏิบัติพันธกิจอย่างเปิดเผยของพระองค์แสดงให้พวกเขาเห็นถึงความกรุณาปราณีของพระบิดา ได้สอบถามพวกเขาและเชื้อเชิญพวกเขาให้มีชีวิตที่บริบูรณ์ พระศาสนจักรแสดงความเป็นห่วงเช่นเดียวกับพระเยซูเจ้า ต้องการฟังคนหนุ่มสาวด้วยความอดทน เข้าใจความวิตกกังวลของพวกเขา มีการสนทนาอย่างแท้จริงจากใจสู่ใจ เป็นเพื่อนร่วมทางกับพวกเขาในการวางแผนชีวิตอย่างชาญฉลาด การอภิบาลเยาวชนโดยพระศาสนจักรนั้น สิ่งแรกที่ต้องกระทำคือ การเผยแผ่ความเป็นมนุษย์และธรรมทูต ซึ่งหมายถึงความสามารถในการมองเห็นเครื่องหมายแห่งความรักของพระเจ้าและการเรียกจากประสบการณ์ของมนุษย์ ในความสว่างของความเชื่อที่การค้นหาความจริงและอิสรภาพความปรารถนาที่จะรักและได้รับความรัก  แรงบันดาลใจส่วนตัวและความมุ่งมั่นอย่างกระตือรือร้นที่มีต่อผู้อื่นและต่อโลก จะพบความหมายที่แท้จริง ในการช่วยคนหนุ่มสาวให้ค้นพบ พัฒนา และดำเนินชีวิตตามแผนของพระเจ้าการอภิบาลเยาวชนคือการนำรูปแบบและกลยุทธ์ใหม่ๆ มาใช้ จึงจำเป็น “จะต้องมีความยืดหยุ่นมากขึ้น การเชื้อเชิญบรรดาคนหนุ่มสาวเข้าร่วมกิจกรรมหรือโอกาสต่างๆ ที่ได้ให้โอกาสไม่ใช่พียงแค่สำหรับการเรียนรู้ แต่ยังจะต้องเป็นโอกาสสำหรับการสนทนา  การเฉลิมฉลอง  การร้องเพลง  การรับฟังเรื่องราวอันแท้จริง และการร่วมมีประสบการณ์ในการพบปะกับพระเจ้าผู้ทรงชีวิต”[22] ดังนั้น การสอนคำสอนกับคนหนุ่มสาวก็เช่นเดียวกันที่ต้องมีการกำหนดนิยามใหม่โดยลักษณะเฉพาะของรูปแบบการอภิบาลนี้

 

253.       ทุกโครงการของการอบรมซึ่งผสมผสานการอบรมด้านพิธีกรรม ชีวิตฝ่ายจิต หลักคำสอน และศีลธรรมเข้าด้วยกัน คือต้อง “มีสองเป้าหมายหลักหนึ่งคือการพัฒนาการประกาศเรื่องพระเยซูเจ้า (kerygma) ประสบการณ์พื้นฐานของการพบกับพระเจ้าผ่านทางการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนพระชนมชีพของพระคริสตเจ้า อีกประการหนึ่งคือการเจริญเติบโตในความรักฉันพี่น้อง  ชีวิตชุมชน และการบริการรับใช้”[24] การสอนคำสอนจึงเป็นการนำเสนอการประกาศถึงพระทรมาน การสิ้นพระชนม์ และการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า ซึ่งเป็นแหล่งที่มาของวัยหนุ่มสาวที่แท้จริงสำหรับโลก เป็นแกนกลางของความหมายที่จะสร้างการตอบรับกระแสเรียก[25] มิติด้านกระแสเรียกของการสอนคำสอนเยาวชนจำเป็นต้องให้เส้นทางการอบรมได้รับการพัฒนาโดยอ้างอิงกับประสบการณ์ชีวิต  การเห็นคุณค่าต้องได้รับการแสดงออกสำหรับความจริงที่ว่าการเดินทางแห่งความเชื่อของคนหนุ่มสาวมักได้รับการเป็นสื่อกลางโดยการเป็นสมาชิกในสมาคมหรือองค์กรต่างๆ ในพระศาสนจักร  ที่จริงพลังของกลุ่มช่วยให้การสอนคำสอนยังคงเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับประสบการณ์ที่เป็นรูปธรรม[26]

 

254. นอกเหนือจากองค์ประกอบและโครงสร้างของโครงการด้านคำสอนแล้ว การสอนคำสอนควรให้ความสำคัญด้วยเมื่อดำเนินการในลักษณะแบบไม่เป็นทางการในสภาพแวดล้อมชีวิตของคนหนุ่มสาว โรงเรียน มหาวิทยาลัย ชมรมวัฒนธรรมและสันทนาการ ท่ามกลางประสบการณ์ที่น่าจดจำ นอกเหนือจากงานของสังฆมณฑล งานระดับชาติ หรือระดับทวีปแล้ว เราควรระลึกถึงวันเยาวชนโลกซึ่งเป็นโอกาสสำหรับพูดคุยกับคนหนุ่มสาวจำนวนมากที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ เป็นความคิดที่ดีในการเตรียมความพร้อมสำหรับวันและการแผ่ออกไป สำหรับบาทหลวงและครูคำสอนที่จะพัฒนาเส้นทางที่จะช่วยให้สามารถใช้ชีวิตจากประสบการณ์แห่งความเชื่อนี้ได้อย่างเต็มที่ สิ่งที่ไม่ควรลืมคือความตรึงใจในการจาริกแสวงบุญสำหรับคนหนุ่มสาวจำนวนมาก  การจาริกแสวงบุญมีประโยชน์ที่ควรใช้ชีวิตให้เป็นช่วงเวลาของคำสอน

 

255.       ต้องยอมรับในคุณค่าของการมีส่วนร่วมที่สร้างสรรค์และรับผิดชอบร่วมกันที่คนหนุ่มสาวทำในการสอนคำสอน การรับใช้ด้านคำสอนของคนหนุ่มสาวเป็นสิ่งเร้าให้พวกเขาเติบโตในความเชื่อ สิ่งนี้เรียกร้องชุมชนคริสตชนให้ความสนใจเป็นพิเศษกับการสร้างครูคำสอนรุ่นเยาว์ “นอกจากนี้ยังมีความจำเป็นสำหรับการฟื้นฟูการอุทิศตนต่อครูคำสอน ซึ่งมักจะยังเป็นเยาวชนและรับใช้คนหนุ่มสาวคนอื่นๆ ซึ่งแทบจะเป็นรุ่นราวคราวเดียวกัน  เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องเอาใจใส่ดูแลให้การอบรมพวกเขาอย่างเพียงพอ และเพื่อให้เห็นว่าศาสนบริการของพวกเขาได้รับการยอมรับจากชุมชนในวงกว้างมากขึ้น”[27]

 

256.       พระศาสนจักรในปัจจุบันมองด้วยความเอาใจใส่มากขึ้นในการข้ามจากวัยหนุ่มสาวไปสู่วัยผู้ใหญ่ เมื่อเปรียบเทียบกับในอดีต รวมทั้งช่วงเวลาที่ผ่านมาการเข้าสู่ช่วงการดำรงอยู่ของความเป็นผู้ใหญ่กลายเป็นเรื่องที่ล่าช้ามากขึ้นสำหรับคนหนุ่มสาวจำนวนมาก โดยเฉพาะในบริบททางสังคมบางอย่าง ระยะหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ทำให้บุคคลจำเป็นต้องมีเงื่อนไขทั้งหมดนี้ในการดำเนินชีวิตในวัยผู้ใหญ่ (อายุ วุฒิทางการศึกษา ความปรารถนาที่จะออกแรงด้วยตนเอง) มักไม่พบเงื่อนไขที่เอื้อต่อการตระหนักถึงความปรารถนาของพวกเขาที่จะทำให้เป็นจริง  เนื่องจากพวกเขาไม่สนุกกับการทำงานที่มั่นคงและสถานการณ์ทางการเงินที่จะเอื้อต่อการสร้างครอบครัว สถานการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อชีวิตภายในและอารมณ์ของพวกเขาอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงต้องมีการคิดหาแนวทางใหม่ๆ ในด้านการอภิบาลและด้านคำสอนที่จะช่วยให้ชุมชนคริสตชนมีปฏิสัมพันธ์กับวัยผู้ใหญ่ตอนต้นและสนับสนุนพวกเขาในการเดินทาง

 

[18] ChV 100.          

[19] Paul VI, Address for the beatification of Nunzio Sulprizio (1st December 1963)     

[20] The term “pre-adolescence” has different meanings in the various cultures. Here it indicates the time that begins with puberty, and lasts approximately from age of 10 to 14. Elsewhere this period is referred to as “early adolescence”, while the term “pre-adolescence” indicates the last stage of childhood (ages 9-10).   

[21] Francis, Address to the Pastoral Conference of the Diocese of Rome (19th June 2017)       

[22] Synod of Bishops, XV Ordinary General Assembly, Final Document (27th October 2018), 63.              

[23] ChV 204.          

[24] ChV 213.          

[25] Cf ChV, chapter VIII.    

[26] Cf ChV 219-220             

[27] Synod of Bishops, XV Ordinary General Assembly, Final Document (27th October 2018), 133.