|
|
คุณครูลามา ลา และภรรยา พร้อมกับชาวคะฉิ่น 4,000 คน ไม่มีที่อยู่อาศัย ปัจจุบันนี้อาศัยในค่ายที่พระศาสนจักรคาทอลิกช่วยเหลือ แต่พวกเขาต้องพรากจากลูกๆ 4 คน ที่อยู่ในค่ายรัฐฉาน และพวกเขาอยู่โดยไม่มีอุปกรณ์ในสถานที่ปลอดภัย ถ้าการต่อสู้รุนแรงขึ้น ที่นี่ที่เราอยู่ปัจจุบันก็อาจเป็นโซนขัดแย้งได้ ผู้คนต่างประณามการที่รัฐบาลจีนขับไล่ผู้อพยพกลับ นายบิล เฟรลิก ผู้อำนวยการโครงการผู้ลี้ภัยสำหรับเฝ้าดูสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า ประเทศจีนไม่สนใจกฎหมายระหว่างประเทศ ด้วยการบีบบังคับผู้ลี้ภัยชาวคะฉิ่น ให้กลับไปในโซนที่กำลังมีปัญหาขัดแย้งรุนแรงโดยกองทัพพม่า แต่ประเทศจีนผลักชาวคะฉิ่นกลับ เพราะมีเจตนา ทำงานภายในเส้นตายวันที่ 4 กันยายน เพื่อไล่ผู้อพยพชาวคะฉิ่นทั้งหมดในค่ายด้านเขตแดนจีน เพราะจีนไม่อยากรับผิดชอบดูแล (จึงต้องการปิดค่าย) เจ้าหน้าที่จีนมณฑลยูนานบอกเราว่า พวกเขาสนใจเรื่องผู้อพยพแพร่เชื้อโรค พวกเขาบอกว่าประชาชนไม่มีที่อยู่ สามารถอยู่ในค่ายจีนอย่างมาก 1 ปี แล้วอยู่ต่อไม่ได้ เจ้าหน้าที่ ไซ ลี่ ที่ Ma Jai Yang ซึ่งหน่วยงานคะฉิ่นอิสระควบคุมอยู่บอกสำนักข่าวยูแคนว่า การต่อรองกับจีนเป็นไปไม่ได้ (นายไซ ลี่ เป็นรองประธารคณะกรรมการช่วยเหลือผู้อพยพ KIO) เขากล่าวว่า เราไม่มีทางชนะ พวกเขาไม่สนใจคำขอร้องของเราที่ขอเลื่อนไปถึงเดือนธันวาคม เนื่องจากการเดินทางยากลำบากในฤดูฝน ถึงแม้ว่าพวกเราหลายคนร้องไห้เมื่อถูกส่งกลับไปชายแดน ชีวิตของผู้อพยพในประเทศจีนลำบาก ไม่สามารถไปไหนนอกค่ายได้อย่างอิสระ และไม่อนุญาตให้ตัดต้นไม้ทำฟืน เรากำลังอยู่ในรางหญ้า ได้กลิ่นขี้วัวประจำ แต่แม้จะได้กลิ่นเหม็น บางคนกล่าวว่าพวกเขาดีใจจะกลับบ้าน เดี๋ยวนี้ผมจะถูกฝังในประเทศบ้านเกิดเมืองนอนเวลาตาย แม้ตายแล้วผมจะไม่ปิดตา จนกว่าจะมีสันติสุขในแดนคะฉิ่น ผู้อพยพคนหนึ่งกล่าว |
พระสังฆราช วีระ อาภรณ์รัตน์ แปล |
||||