ธรรมล้ำลึกแห่งความสว่าง
สมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ได้ประกาศเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ให้เดือนตุลาคม 2002 ถึงเดือนตุลาคม 2003 เป็นปีแห่งสายประคำ และออกสมณลิขิตเกี่ยวกับการสวดสายประคำ พระองค์ได้บรรยายถึงสายประคำว่าเปรียบเป็น "บทย่อของพระวรสาร เป็นการรำพึงถึงพระพักตร์ของพระเยซูเจ้า โดยอาศัยสายตาของพระนางมารีย์" ด้วยการภาวนาซ้ำบทวันทามารีอา ทุกวัน เรารำพึง 5 หัวข้อและสวดวันทามารีอา 10 บทในแต่ละหัวข้อรำพึง
ที่ผ่านมา เรามีข้อรำพึง 15 ข้อ คือ ธรรมลำลึกแห่งความปีติยินดี รำพึงเกี่ยวกับการบังเกิดของพระเยซูเจ้า (5 ข้อ) ธรรมล้ำลึกแห่งมหาทรมาน รำพึงเกี่ยวกับความทุกข์ของพระเยซูเจ้า (5 ข้อ) ธรรมล้ำลึกแห่งสิริมงคล รำพึงเกี่ยวกับการกลับคืนพระชนม์ชีพของพระเยซูเจ้า (5ข้อ)
เพราะเหตุนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาจึงกล่าวในสมณลิขิตฉบับนี้ ข้อ 19 ว่าขึ้นอยู่กับเสรีภาพของแต่ละคนและหมู่คณะ พระองค์แนะนำให้เพิ่มหัวข้อรำพึงเกี่ยวกับภารกิจที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำต่อสาธารณะ ตั้งแต่ทรงเรียกข้อรำพึงใหม่นี้ว่า ธรรมล้ำลึกแห่งความสว่าง เพราะพระคริสตเจ้าทรงแสดงพระองค์ในภารกิจสาธารณะนี้ พระองค์เคยตรัสว่า "ตราบใดที่เรายังอยู่ในโลก เราก็เป็นแสงสว่างส่องโลก" (ยน 9:5)
ในสมณลิขิตฉบับใหม่ ข้อ 21 กล่าวถึงข้อรำพึง 5 ประการในธรรมล้ำลึกแห่งความสว่างเกี่ยวกับพระชนม์ชีพสาธารณะ และสรุปได้ดังนี้ 1. พระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้าง ณ แม่น้ำจอร์แดน
ขณะที่พระคริสตเจ้าเสด็จลงไปในน้ำพระองค์เป็นผู้บริสุทธิ์ แต่มารับสภาพบาป เพราะเห็นแก่เรา (เทียบ 2คร 5:21) ท้องฟ้าเปิดออกแล้วมีเสียงจากสวรรค์กล่าวว่า "ผู้นี้เป็นบุตรสุดที่รักของเรา เป็นที่โปรดปรานของเรา" (มธ 3:16-17)
พระจิตเจ้าเสด็จลงมาเหนือพระองค์ เพื่อส่งพระองค์ไปปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมาย 2. พระเยซูเจ้าทรงเผยพระองค์เองในงานมงคลสมรส ณ หมู่บ้านคานา เมื่อพระคริสตเจ้าทรงเปลี่ยนน้ำให้เป็นเหล้าองุ่น
พระองค์ทรงกระทำอัศจรรย์นี้เป็นเครื่องหมายแรกที่หมู่บ้านคานา แคว้นกาลิลีพระองค์ทรงสำแดงพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์และบรรดาศิษย์เชื่อในพระองค์ (ยน 2:11) ให้เราขอบคุณพระนางมารีย์ ผู้เป็นศิษย์กลุ่มแรกได้มีส่วนริเริ่มในเหตุการณ์นี้
3. พระเยซูเจ้าทรงประกาศพระอาณาจักรของพระเจ้า และทรงเรียกผู้คนให้กลับใจ "เวลาที่กำหนดไว้มาถึงแล้ว พระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ใกล้แล้ว พระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ใกล้แล้ว จงกลับใจ และเชื่อข่าวดีเถิด" (มก 1:15)
พระองค์ทรงอภัยบาปของทุกคนที่เข้ามาหาด้วยความไว้วางใจและสุภาพ (มก 2:3-12; ลก 7:47-48) พระองค์ทรงริเริ่มพระเมตตาและยังปฏิบัติอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งอาศัยศีลอภัยบาปซึ่งมีอยู่ในพระศาสนจักร (ยน 20:22-23)
4. พระเยซูเจ้าทรงสำแดงพระกายอย่างรุ่งโรจน์ ณ ภุเขาทาบอร์ พระพักตร์ของพระองค์ฉายพระสิริรุ่งโรจน์พระบิดาตรัสกับอัครสาวกว่า "ท่านผู้นี้เป็นสุดที่รักของเรา ผู้ที่เลือกสรร จงฟังท่านเถิด" (ลก 9:35)
และได้เตรียมพวกเขาให้มีประสบการณ์มหาทรมาน เพื่อให้เขาได้รับความยินดีในการกลับคืนพระชนม์ชีพ และดำเนินชีวิตอาศัยพระจิตเจ้า 5. พระเยซูเจ้าทรงตั้งศีลมหาสนิท เพื่อเป็นเครื่องหมายของธรรมล้ำลึกปัสกา
พระเยซูเจ้าทรงทราบว่า ถึงเวลาแล้วที่จะทรงจากโลกนี้ไปเฝ้าพระบิดา พระองค์ทรงรักผู้ที่เป็นของพระองค์ซึ่งอยู่ในโลกนี้ พระองค์ทรงรักเขาจนถึงที่สุด (ยน 13:1) พระคริสตเจ้าถวายพระองค์ในศีลมหาสนิท ภายใต้รูปปรากฏของปังและเหล้าองุ่น แสดงถึงความรักต่อมนุษยชาติ
ในข้อที่ 38 พระองค์กล่าวว่า เราสามารถสวดสายประคำ โดยรำพึงครบทุกข้อรำพึงก็ได้ เช่นผู้ดูแลคนป่วยและคนชราที่มีเวลาสวด แต่หลายคนอาจไม่สามารถภาวนาได้มากกว่าภาคเดียว พระองค์จึงเสนอให้รำพึงธรรมล้ำลึกแห่งความสว่างในวันพฤหัสบดี ส่วนภาคยินดีสวดวันจันทร์ และวันเสาร์ ภาคมหาทรมาน สวดวันอังคารและวันศุกร์ ภาคสิริมงคลสวดวันพุธและวันอาทิตย์
(อุดมสารรายสัปดาห์ ฉบับที่ 46, 10-16 พ.ย. 2002
|