คนเราย่อมมีข้อขัดแย้งในชีวิตเป็นธรรมดา แต่การแก้ไขมีทั้งการหนีปัญหา
ชนปัญหา หรือวิธีสร้างสันติกับทั้งสองฝ่าย การสร้างสันติเป็นวิธีถวายเกียรติแด่พระเจ้า และพระองค์สอนเราให้เลือกมองข้ามข้อขัดแย้งบ้าง เหมือนที่พระเจ้าแสดงเมตตาธรรมและอดทนเรา พระองค์มิได้จัดการกับเราเมื่
อเราทำบาป พระองค์ใจดีมีเมตตาและสอนเราให้มีเมตตาต่อผู้อื่นเช่นกัน
ถ้าคุณเป็นผู้สร้างสันติภาพปลอม คือ แกล้งว่าทุกสิ่งโอเค เมื่อมันไม่โอเ
ค โปรดจำไว้ว่า การมองข้ามมิได้เป็นอีกวิธีหนึ่งที่หลีกเลี่ยงข้อขัดแย้ง และถ้าคุณเป็นผู้ทำลายสันติภาพ คือ บังคับผู้อื่นตามวิธีของคุณ แม้คุณทำร้ายเขามาก โปรดรู้ไว้ว่า การมองข้ามมิใช่เป็นการไม่ยอมรับผิดชอบ
การมองข้าม (Overlooking) เป็นการเลือกแบบหนึ่ง (ที่ดี) การมองข้ามมิใช่การหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าหรือการอยู่เงียบๆ ตอนนั้น แต่พยายามเก็บการทำผิด โดยใช้ต่อต้านบางคนภายหลัง นั้นเป็นรูปแบบหนึ่งของกา
รปฏิเสธ ซึ่งปกติทำให้เกิดความขมขื่นที่ในที่สุดจะระเบิดความโกรธได้ เมื่อคุณมองข้ามความผิดของผู้อื่น คุณตัดสินใจไม่กังวลการทำให้ขุ่นเคือง คุณหยุดการคิดซ้ำสถานการณ์ คุณหยุดพูดถึงมัน คุณเลือกปล่อยวาง
การมองข้ามจึงหมายความว่าคุณเลือกให้อภัยบุคคลหนึ่ง โดยไม่ถกเถียงหรือทำอะไรต่อไปอีก
การมองข้ามเป็นการเลือกที่เข้มแข็ง มิใช่เป็นการทำลายสันติภาพ แต่เ
ป็นการรับพลังจากพระวรสาร บางคนแย้งว่า มันไม่ถูกจะยอมคนนั้นง่ายๆ ผมอยากโต้ว่า แล้วคุณจะได้นิรันดรภาพที่ไหน ถ้าพระเจ้าถือความยุติธรรมกับเราโดยไม่มีเมตตาธรรม คำตอบชัดเจน เราคงถูกสาปให้ไปน
รก แต่โชคดีที่พระเจ้าไม่ปฏิบัติกับเราตามบาปที่เราสมควรได้รับ สำหรับผู้วางใจในพระคริสตเจ้า ว่าพระองค์เปี่ยมด้วยความอ่อนหวานและเมตตาสงสาร พระองค์หวังให้เราปฏิบัติกับผู้อื่นวิธีเดียวกัน ดังที่พระเยซูเจ้า
ทรงสอนว่า จงเป็นผู้เมตตากรุณา ดังที่พระบิดาของท่านทรงพระเมตตากรุณาเถิด (ลก 6:36)
การมองข้ามเป็นการเลือกที่น่าปฏิบัติ คือ ไม่คอยตำหนิผู้อื่นโดยคิด
ว่าตนกำลังทำถูก เพื่อสร้างสันติ การตำหนิตักเตือนผู้อื่นบ่อยๆ มักเป็นสาเหตุความเสียหาย ขณะที่การมองข้ามช่วยรักษามิตรภาพ แทนท
ี่จะเรียกผู้อื่นให้ชี้แจงความผิดบกพร่องทุกข้อ เราสามารถมองข้ามข้อบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ การทำเช่นนี้จะสร้างบรรยากาศแห่งพระหรรษทาน เราจะไม่ทำให้ใครเจ็บ และมีชีวิตต่อไปได้
ลองคิดดูนะครับว่า เมื่อคุณได้มองข้ามความรู้สึกขุ่นเคืองแล้วมีผลดีไหม |