สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงประกาศย้ายงานคำสอนจากสมณกระทรวงเพื่อพระสงฆ์ ไปขึ้นสังกัดสมณสภาเพื่อส่งเสริมการประกาศข่าวดีใหม่ เมื่อวันที่ 16 มกราคม ค.ศ.2013 สรุปได้ดังนี้

ความเชื่อจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนอาศัยสัจธรรมเพื่อสามารถส่องสว่างจิตใจของสัตบุรุษ ในช่วงเวลาประวัติศาสตร์เป็นพิเศษที่เราดำเนินชีวิต มีสัญญาณวิกฤติความเชื่อที่เรียกร้องให้ตอบสนองการท้าทายที่เกิดขึ้นกับบรรดาสัตบุรุษให้ตอบคำถามใหม่ๆ ในโลกและในพระศาสนจักร ดังนั้น ความเชื่อบ่อยๆ เรียกร้องเนื้อหาที่ถูกแสดงออกมาด้วยสำนวนภาษาใหม่ให้บรรดาสัตบุรุษสามารถนำเสนอความหวังแก่ผู้ที่ถามหาเหตุผล (เทียบ 1ปต 3:15)

เป็นหน้าที่ของพระศาสนจักรที่จะต้องประกาศพระคริสตเจ้าอย่างมีประสิทธิภาพและมีชีวิตชีวา สัจธรรมต้องหล่อเลี้ยงความเชื่อซึ่งเกี่ยวกับพระธรรมล้ำลึกการรับสภาพมนุษย์ของพระบุตร  ทรงสิ้นพระชนม์และกลับคืนพระชนมชีพเพื่อความรอดพ้นของเรา  พระศาสนจักรต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย อาศัยรูปแบบและเครื่องมือที่เหมาะสม เพราะเหตุว่าบรรดาผู้เชื่อในพระวรสาร จะบังเกิดมีชีวิตใหม่โดยอาศัยศีลล้างบาป

ในโอกาสฉลอง 50 ปีการเปิดประชุมสภาสังคายนาวาติกันที่ 2 พระศาสนจักรไตร่ตรองเนื้อหาคำสอนจากเอกสารของสภา และค้นพบรูปแบบใหม่เพื่อประยุกต์ใช้กับชีวิต เป็นไปได้ที่พระศาสนจักรทำให้การเดินทางยิ่งใหญ่สำเร็จเป็นจริงในหลายทศวรรษที่ผ่านมาเกี่ยวกับการสอนคำสอน บางช่วงเวลาหลังสภาสังคายนา บางทีก็มีความผิดพลาดด้วยในวิธีการและในเนื้อหา ซึ่งมีเอกสารหลังสภาสังคายนาแสดงถึงพัฒนาการดีขึ้นในแวดวงคำสอน

สมเด็จพระสันตะปาปา ปอล ที่ 6 ทรงเขียนในสมณลิขิตเตือนใจเรื่องการประกาศพระวรสารในโลกปัจจุบัน กล่าวว่า “วิธีอีกอย่างหนึ่งที่ไม่ควรละเลยเสียในการประกาศพระวรสารก็คือ การสอนคำสอน อันสติปัญญาโดยเฉพาะสติปัญญาของเด็กและบรรดาวัยรุ่นนั้น ต้องการจะเรียนรู้ข้อคำสอนที่เป็นพื้นฐานและข้อความจริงต่างๆ ที่พระเป็นเจ้าได้ทรงเผยแสดง และพระศาสนจักรพยายามบรรยายให้เข้าใจยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ตลอดมาในประวัติศาสตร์ และเขาต้องการเรียนรู้ดังนี้โดยมีผู้สอนให้อย่างมีแบบแผน” (EN 44)

บุญราศีสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ทรงสรุปสมัชชาพระสังฆราชเรื่อง การสอนคำสอน ได้เขียนว่า “ในขอบข่ายของกระบวนการประกาศพระวรสาร จุดมุ่งหมายของการสอนคำสอนก็คือ การสอนให้บรรลุวุฒิภาวะอย่างสมบูรณ์ อันได้แก่ช่วงเวลาหลังจากที่คริสตชนเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์ว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าเพียงพระองค์เดียว และยึดมั่นอย่างสมบูรณ์ในพระองค์  โดยการกลับใจอย่างแท้จริง  เพื่อให้เขามุมานะที่จะเรียนรู้ถึงพระองค์ ซึ่งเขาได้มอบกายถวายชีวิตให้แล้ว” (CT 20)

เพื่อฉลอง 20 ปีแห่งการปิดสภาสังคายนาวาติกันที่ 2 บุญราศีสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ทรงแสดงความปรารถนาให้มีหนังสือสำหรับสรุปข้อความเชื่ออย่างมีระบบ และสรุปศีลธรรมตรงเจตนารมย์ของสภาสังคายนาพระศาสนจักรสากล  ข้าพเจ้าจึงได้รับรองเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 1992 และรับรองหนังสือประมวลคำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก

อีกขั้นหนึ่งที่มีความสำคัญเพื่อชี้ชัดถึงธรรมชาติ วิธีการและจุดมุ่งหมายของการสอนคำสอนในกระบวนการประกาศข่าวดี ในค.ศ.1971 สมณกระทรวงว่าด้วยพระสงฆ์ได้จัดพิมพ์คู่มือแนะแนวการสอน คำสอนทั่วไป
 
-หนังสือคำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก  ค.ศ.1992
-คู่มือแนะแนวทั่วไปสำหรับการสอนคำสอน ค.ศ.1997
เน้นว่ากระบวนการสอนคำสอนช่วยให้เกิดการกลับใจ (เทียบ GDC 62)

คำสอนของสภาสังคายนาและอำนาจการสอนของพระศาสนจักรต่อๆ มา เห็นความสัมพันธ์ของการสอนคำสอนในกระบวนการของการประกาศข่าวดี กล่าวคือการสอนคำสอนนำเสนอพระวาจาในชีวิตประจำวัน เพื่อทุกคนที่ศรัทธาจะได้รับการอบรมในพระคริสตเจ้าเพื่อช่วยสร้างพระศาสนจักร (CCC 4)

พ่อได้ตั้งสมณสภาเพื่อส่งเสริมการประกาศข่าวดีใหม่ เมื่อวันที่ 21 กันยายน ค.ศ.2010 มีจุดมุ่งหมายเพื่อไตร่ตรองเรื่องการประกาศข่าวดีใหม่และส่งเสริมรูปแบบ อุปกรณ์ให้สำเร็จเป็นจริงเป็นพิเศษ บัดนี้ พ่อขอตั้งหน่วยงานใหม่เพื่อส่งเสริมการใช้หนังสือคำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก  ซึ่งให้เนื้อหาสาระความเชื่อสำคัญสมบูรณ์สำหรับประชาชนในสมัยของเรา” หน่วยงานนี้เป็นผู้รับผิดชอบเพื่อให้การสอนคำสอนเป็นเครื่องมือสำหรับการประกาศข่าวดีของพระศาสจักรในรูปแบบงานอภิบาลที่มีระบบและมีประสิทธิภาพ  ช่วยบริการพระศาสนจักท้องถิ่นและบรรดาพระสังฆราชสังฆมณฑลในด้านนี้

ตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ.1988 สมณกระทรวงเพื่อพระสงฆ์ได้รับมอบหมายให้รับผิดงานคำสอน  บัดนี้ ขอให้สมณสภาเพื่อส่งเสริมการประกาศข่าวดีใหม่รับผิดชอบงานคำสอน กล่าวคือ
1.ส่งเสริมการอบรมคริสตศาสนธรรมแก่สัตบุรุษทุกวัยและสถานะ
2.หน้าที่กำกับดูแลให้การสอนคำสอนเหมาะสมตามธรรมประเพณีของพระศาสนจักร
3.รับผิดชอบการอบรมคำสอนให้ถูกต้องเหมาะสมด้านวิธีการและจุดมุ่งหมายตามคำชี้แจงของพระศาสนจักร
4.ตรวจรับรองหนังสือคำสอนและเอกสารเกี่ยวกับคำสอน  โดยร่วมมือกับสมณกระทรวงเพื่อ  พระสัจธรรม
5.ช่วยเหลือสำนักงานคำสอนต่างๆ ที่อยู่ภายใต้สภาพระสังฆราช ติดตามเรื่องการอบรมคริสต ศาสนธรรม  ประสานงานระดับนานาชาติ  และให้ความช่วยเหลือที่จำเป็น

ขอให้ทุกคนร่วมมือปฏิบัติตามแนวทางที่ประกาศนี้

พระสังฆราชวีระ อาภรณ์รัตน์  , แปล
30 มกราคม ค.ศ.2013

Home