พระคาร์ดินัลวิลเลี่ยม เลวาดา สมณมนตรีของสมณกระทรวงเรื่องข้อความเชื่อ ได้จัดประชุมนานาชาติ เรื่อง มุ่งสู่การเยียวยารักษาและการฟื้นฟู กรณีสงฆ์ทำผิดทางเพศกับเด็ก ณ มหาวิทยาลัยเกรโกเรียน กรุงโรม ระหว่างวันที่ 6-9 กุมภาพันธ์ 2012 ผู้ร่วมประชุมเป็นบรรดาพระสังฆราชและบรรดาอธิการเจ้าคณะจากประเทศต่างๆ วัตถุประสงค์เพื่อค้นหาวิถีทางที่ดีที่สุดในการช่วยเหลือบรรดาผู้ถูกกระทำ เพื่อปกป้องเด็กๆ และการอบรมพระสงฆ์ปัจจุบันและอนาคต ให้ตระหนักถึงอาชญากรรมนี้ และเพื่อกำจัดเรื่องนี้จากบรรดาพระสงฆ์ เนื่องจากสองปีที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปาได้ประกาศปีแห่งพระสงฆ์ (19 มิ.ย. 2009 2010) เพราะมีกรณีละเอียดอ่อนและเร่งด่วน ที่บางประเทศมีพระสงฆ์หลายองค์ทำผิดทางเพศต่อเด็ก ซึ่งเป็นการทำร้ายผู้ถูกกระทำ และมีผลยาวนานทั้งชีวิต จึงมีการรณรงค์ภาวนา หาทางแก้ไข และส่งเสริมความศักดิ์สิทธิ์ของพระสงฆ์ พระคาร์ดินัลวิลเลี่ยม เลวาดา ได้ออกจดหมายเวียนเมื่อปีที่แล้ว (3 พฤษภาคม 2011) ส่งถึงสภาพระสังฆราชคาทอลิกทั่วโลก ให้ทำแนวปฏิบัติเกี่ยวกับกรณีสงฆ์ทำผิดทางเพศกับเด็ก ซึ่งบุญราศีสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ได้เคยออกเอกสาร เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2001 ชี้แจงอาชญากรรมเรื่องนี้มาแล้ว สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ ที่ 16 ได้ทรงถูกโจมตีจากสื่อมวลชนในเรื่องนี้ ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา และได้รับรายงานในช่วงสิบปีที่ผ่านมามากกว่า 4,000 ราย จึงทรงมอบให้สมณกระทรวงเรื่องข้อความเชื่อติดตามรับผิดชอบ ดำเนินการกับพระสงฆ์ผู้กระผิด หาวิธีการเยียวยาผู้ถูกกระทำ ส่งเสริมโปรแกรมปกป้องเด็กและเยาวชน กระตุ้นบรรดาพระสังฆราชให้จัดการอบรมบรรดาสัตบุรุษในชุมชนแห่งความเชื่อ ช่วยรับผิดชอบเยาวชนและร่วมมือกับสันตะสำนัก และสภาพระสังฆราชจัดการอบรมที่เหมาะสมสำหรับพระสงฆ์ปัจจุบัน และบรรดาสามเณรซึ่งจะเป็นพระสงฆ์ในอนาคต จากเหตุการณ์ที่ผ่านมา บรรดาพระสังฆราชและอธิการเจ้าคณะนักบวช ต้องสนใจวิกฤติเรื่องสงฆ์ทำผิดทางเพศกับเด็ก สภาพระสังฆราชหลายประเทศได้ออกแนวปฏิบัติแล้ว เช่น แคนาดา สหรัฐอเมริกา บราซิล สหราชอาณาจักรอังกฤษ ไอร์แลนด์ เยอรมัน เบลเยี่ยม ฝรั่งเศส อาฟริกาใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ แนวปฏิบัติแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ข้อควรพิจารณาทั่วไป บทสรุปทางกฎหมายพระศาสนจักร และข้อแนะนำสำหรับบรรดาพระสังฆราชในการดำเนินการ สำหรับข้อควรพิจารณาทั่วไป มีดังต่อไปนี้ 1. ผู้ถูกกระทำผิดทางเพศ 2. การปกป้องเด็ก 3. การอบรมพระสงฆ์และนักบวชในอนาคต ต้องสนใจพิเศษ หากมีผู้สมัครบวช ย้ายจากบ้านเณรแห่งหนึ่งไปอีกแห่งหนึ่ง จากสังฆมณฑลหนึ่งไปอีกสังฆมณฑลหนึ่ง หรือจากนักบวชและสังฆมณฑล 4. การสนับสนุนพระสงฆ์ หากมีพระสงฆ์ถูกกล่าวหา หรือพบว่ากระทำผิดเรื่องนี้ ให้จำกัดการปฏิบัติหน้าที่สงฆ์ และจำกัดสภาพแวดล้อมระหว่างการพิจารณาขั้นต้น 5. การร่วมมือกับเจ้าหน้าที่บ้านเมือง พระศาสนจักรทุกส่วนต้องช่วยกันเยียวยารักษาและฟื้นฟูกรณีนี้ อาศัยพระเจ้าทรงช่วยเหลือ เพื่อ ทรงรักษาผู้ชอกช้ำใจ ทรงพันบาดแผลให้เขา (สดุดี 147:3)
พระสังฆราชวีระ อาภรณ์รัตน์
|
|||