บทความนี้มาจากหนังสือ การแก้ไขข้อขัดแย้งประจำวัน
ซึ่งพ่อได้เคยแปลสรุปลงในอุดมสาร ตอนนี้เป็นตอนที่ 16 วิคกี้ถูกไล่ออกจากงานเพราะความประพฤติ มีนิสัยชอบวิจารณ์จูเลียนายจ้างของเธอ วิคกี้มาข
อคำแนะนำจากผมเพราะเธอขู่จะฟ้องร้องคดีที่ศาล เราคุยกันนานและภาวนาว่าเธอจะทำให้พระเจ้าพอพระทัยและเทิดเกียรติพระองค์ในสถานการณ์นี้อย่างไร พระเจ้าทรงทำงานในใจของวิคกี้ เธอตัดสินใจกลับไปหาจูเลียและรับผิดชอบปัญหา
เมื่อทั้งสองพบกันวันรุ่งขึ้น จูเลียคิดว่าวิคกี้จะขอเงินเพื่อยกการฟ้องร้องขึ้นศาล วิคกี้กลับยอมรับความผิดว่าเธอสมควรถูกไล่ออกและขอโทษ จูเลียประหลาดใจมาก จนอึ้ง
วิคกี้ขอโทษและขออนุญาตแชร์ความเห็นว่า เพื่อช่วยหลีกเลี่ยงปัญหากับนายจ้างในอนาคต
วิคกี้พูดจริงใจมากจนจูเลียยอมรับฟัง เธอพูดด้วยความเคารพ และสังเกตว่าจูเลียมีน้ำตาคลอเบ้า
จูเลียบอกว่า เวลาฟังวิคกี้พูด เธอเป็นคนแรกที่แคร์ฉันมาก และกล้ามาพูดแบบนี้
เมื่อวิคกี้พูดเสร็จ จูเลียมิได้เห็นด้วยทุกประการ แต่ก็ยอมรับข้อเสนอของวิคกี้โดยไม่มีข้อขัดแ
ย้ง อาศัยพระหรรษทานของพระเจ้า เธอทั้งสองจากไปด้วยดี มีสันติสุข
เราเห็นแล้วว่า กฎที่ 2 จงเอาท่อนซุงออก ว่าคุณไม่ควรเริ่มสนทนากับผู้อื่นเกี่ยวกับความผิดของพวกเขา จนกว่าคุณได้ยอมรับผิดชอบส่วนท
ี่คุณทำให้เกิดข้อขัดแย้ง ถ้าคุณทำเช่นนี้ก่อน สารภาพผิด บ่อยครั้งคู่ขัดแย้งก็จะยอมรับผิด แต่มิใช่ทุกคนจะตอบรับเช่นนี้เสมอ บางคนอ
าจไม่รับผิดชอบ แล้วคุณอาจจะอาย ถ้าคุณเริ่มนำความผิดของเขามาพูด พวกเขาก็อาจคิดว่าการยอมรับผิดของคุณเสแสร้ง แต่ถ้าคุณเดินจากไปโดยไม่พูดถึงความผิดของพวกเขา พวกเขาก็ไม่เปลี่ยนแปลง
การพูดกับผู้อื่นเกี่ยวกับข้อขัดแย้งอาจไม่เป็นที่พอใจ ไม่มีใครอยากสร้างความตึงเครียดจนถึงจุดระเบิด และร่ายยาวความผิดของกัน บุคคลท
ี่เราโจมตีก็จะป้องกันตัว และว่ากล่าวถึงความผิดของเรากลับ ซึ่งนำไปสู่ความเจ็บปวดตามมา คนที่มีส่วนในข้อขัดแย้งนี้ที่มีทักษะพูดเก่ง ก็ชนะ แต่ทุกคนก็จะเสียความสัมพันธ์ที่สำคัญต่อกัน
จึงต้องมีวิธีที่ดีกว่า เพื่อสื่อสานกันเกี่ยวกับความผิดพลาดของพวกเขา เวลาเหมาะสมที่จะถามว่า ข้าพเจ้าจะช่วยพวกเขาแก้ไขข้อขัดแย้งน
ี้อย่างไร นักบุญเปาโลสอนว่า ถ้าท่านพบว่าใครคนหนึ่งทำผิด ท่านซึ่งมีพระจิตเป็นผู้นำ จงตักเตือนแก้ไขเขาด้วยความอ่อนโยน (กท 6:1) |