3. พระศาสนจักรท้องถิ่น
293. “การประกาศพระวรสาร การส่งผ่าน และประสบการณ์การเจริญชีวิตตามพระวรสารเกิดขึ้นจริงในพระศาสนจักรท้องถิ่นหรือสังฆมณฑล”[16]พระศาสนจักรท้องถิ่นเป็นส่วนหนึ่งของประชากรของพระเจ้า “ถูกรวมเข้าด้วยกัน...ในองค์พระจิตเจ้า ก่อขึ้นเป็นพระศาสนจักรท้องถิ่นในความเป็นหนึ่งเดียว ศักดิ์สิทธิ์ สากล และสืบเนื่องจากอัครสาวกอย่างแท้จริง” (CD 11) เหตุผลสำหรับเรื่องนี้คือสิ่งที่อยู่ภายในโครงสร้างที่สำคัญๆ ของพระศาสนจักร คือพระวรสาร ศีลศักดิ์สิทธิ์ อำนาจปกครองของบิชอปโดยมีบรรดาบาทหลวงช่วยเหลือกำกับในการดูแลด้านการอภิบาล พระศาสนจักรท้องถิ่น “เป็นพระศาสนจักรที่บังเกิดขึ้น ณ ที่ใดที่หนึ่ง และพระคริสตเจ้าทรงประทานหนทางแห่งความรอดทุกประการให้ตามลักษณะเฉพาะของท้องถิ่นนั้นๆ”[17]พระศาสนจักรทั้งครบนั้นถึงแม้ว่าจะไม่เป็นของตนเองทั้งหมดแต่ยังคงความเป็นหนึ่งเดียวของพระศาสนจักรทุกแห่งหน ดังนั้นยังคงเป็นประชากรหนึ่งเดียว“มีกายเดียว...มีองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียว ความเชื่อหนึ่งเดียว ศีลล้างบาปหนึ่งเดียว” (อฟ 4:4-5) สิ่งนี้เองก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันอย่างเข้มข้น และ “ต้องตั้งใจสังเกตลักษณะสองประการนี้ของพระศาสนจักรอยู่ตลอดเวลาเท่านั้นจึงทำให้เราสามารถรับรู้ถึงความมั่งคั่งของความสัมพันธ์นี้ ระหว่างพระศาสนจักรสากลกับพระศาสนจักรท้องถิ่น”[18]
294. พระศาสนจักรท้องถิ่นเช่นเดียวกับพระศาสนจักรสากล เป็นผู้ร่วมงานในการประกาศข่าวดี ซึ่งทำให้กลายเป็นแหล่งกำเนิดของพันธกิจของพระศาสนจักรอันที่จริง ต้องถือว่าโดยอาศัยพระศาสนจักรท้องถิ่นที่ประชาชนได้เข้ามาสัมผัส กับหมู่คณะที่รับฟังพระวาจาของพระเจ้า กลายเป็นคริสตชนโดยทางศีลล้างบาปและมารวมกันเพื่อร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณ บิชอปเป็นประธานในพิธี ซึ่งถือเป็นการแสดงถึงพระศาสนจักร (เทียบ SC 41)
295. พร้อมกับทุกวิธีการโดยอาศัยองค์พระจิตเจ้า ขึ้นกับพระศาสนจักรท้องถิ่นนั้นๆ ในการสานต่องานประกาศข่าวดี มีส่วนร่วมในความดีของพระศาสนจักรสากล โดยการนำของพระวาจาพระเจ้า พวกเขาได้รับเรียกให้ประกาศและเผยแผ่พระวาจา ยอมรับความท้าทายของการประกาศข่าวดีหมายถึงการนำพระวาจาของพระเจ้าไปถึงส่วนที่ไกลที่สุด เปิดตัวเองไปสู่รอบนอกขอบเขตทุกรูปแบบ ยิ่งกว่านั้นโดย การอาศัยอยู่ในพื้นที่เฉพาะพระศาสนจักรท้องถิ่นประกาศข่าวดีโดยวางรากฐานในประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ธรรมประเพณี ภาษาและปัญหาของประชาชน พระวาจาของพระเจ้า “ส่งเสริมและนำทุกสิ่งเข้าสู่ พระวาจาได้ตราบเท่าที่สิ่งเหล่านั้นดี ไม่ว่าจะเป็นความสามารถ ความร่ำรวย และประเพณีต่างๆ ซึ่งแฝงอยู่ในอัจฉริยภาพของประชาชนแต่ละกลุ่มนั้นได้แสดงออกมา การนำสิ่งเหล่านั้นไปสู่พระวาจาพระเจ้าโดยการทำให้บริสุทธิ์ เสริมให้เข้มแข็ง ยกระดับและให้คุณค่าแก่สิ่งเหล่านั้น” (LG 13) สิ่งนี้เป็นการเติมเต็มพระพรของการเสด็จมาของพระจิตเจ้า ขอบคุณที่พระศาสนจักร “กล่าวเป็นภาษาทุกภาษา เข้าใจและยอมรับทุกภาษาไว้ด้วยความรัก และแทนที่การแบ่งแยกแห่งหอบาเบล” (AG 4)
296. พระศาสนจักรท้องถิ่นแต่และแห่งได้รับเรียกให้ดำเนินการสอนคำสอนอย่างดีที่สุดเท่าที่สามารถ ในฐานะที่เป็นการแสดงออกถึงการประกาศข่าวดีในบริบททางสังคมและวัฒนธรรมของตน ชุมชนคริสตชนทั้งครบจะต้องรับผิดชอบในการสอนคำสอน แม้ว่าจะมีบางคนเท่านั้นได้รับมอบหมายจากบิชอปให้เป็นครูคำสอน ขณะที่ครูคำสอนทำหน้าที่และดำเนินการอย่างเป็นทางการในนามของพระศาสนจักรทั้งหมด
297. การสอนคำสอนถูกดำเนินการในบริบทซึ่งหลายต่อหลายครั้งเกิดคำถามต่อรูปแบบที่ปฏิบัติต่อๆ กันมาในการริเริ่มและการสอนความเชื่อ อันที่จริงพระศาสนจักรท้องถิ่นได้เข้าไปมีส่วนในการทบทวนและฟื้นฟูงานด้านอภิบาล การพัฒนาโครงการต่างๆ และริเริ่มสร้างสรรค์ในระดับสังฆมณฑล ระดับชาติและระดับภูมิภาคได้ การฟื้นฟูนี้ยังเรียกร้องหมู่คณะต่างๆ ในการปฏิรูปโครงสร้างต่างๆ ของตนด้วย มีความจำเป็นที่เรียกร้องให้วางกรอบทุกสิ่งทุกอย่างภายใต้เงื่อนไขของการประกาศข่าวดี โดยถือเป็นหลักการพื้นฐานที่ชี้นำในการจัดกิจกรรมต่างๆ ของพระศาสนจักรในภาพรวม การสอนคำสอนยังเข้าไปมีส่วนในการเปลี่ยนแปลงงานธรรมทูต ในเบื้องต้นในการสร้างพื้นที่และข้อเสนอต่างๆ ที่เป็นรูปธรรมสำหรับการประกาศครั้งแรก และเพื่อทบทวนการเริ่มต้นในแนวทางการสอนคำสอน โดยอาศัยการเชื่อมโยงในองค์รวมของมิติต่างๆ ในการอภิบาล และโดยอาศัยการมองความเป็นจริงในการอภิบาลก็จะทำให้สามารถลดความเสี่ยงในการริเริ่มสร้างสรรค์ที่เป็นเพียงเพื่อให้มีกิจกรรมเกิดขึ้น มีแต่ความผิวเผินและแบ่งเป็นส่วนๆ ขาดซึ่งเอกภาพ