2. พระศาสนจักรตะวันออก
290. “พระศาสนจักรคาทอลิกให้ความนับถืออย่างมากต่อสถาบัน จารีตพิธีกรรม ธรรมประเพณีของพระศาสนจักร และมาตรฐานชีวิตคริสตชนที่ถูกกำหนดขึ้นของพระศาสนจักรตะวันออก เพราะคุณค่าเหล่านี้โดดเด่นในฐานะที่ได้ทำการสืบทอดมาตั้งแต่ในอดีต รักษาไว้ซึ่งธรรมประเพณีที่เด่นชัดที่สืบทอดมาจากบรรดาอัครสาวกผ่านทางบรรดาปิตาจารย์และซึ่งกลายเป็นมรดกที่ได้รับการเผยแสดงจากพระเจ้าและแบ่งแยกมิได้ของพระศาสนจักรสากล” (OE 1) ขุมทรัพย์เหล่านี้ย่อมมีคุณค่าต่อการประกาศข่าวดี พระศาสนจักรคาทอลิกยืนยันอยู่เสมอว่า “สมาชิกของพระศาสนจักรตะวันออกมีสิทธิและหน้าที่ในการปกปักรักษา เรียนรู้ และเจริญชีวิตในคุณค่าเหล่านี้”[12] ทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียอัตลักษณ์ของพวกเขา ความมุ่งมั่นนี้เพื่อจะปกป้องและส่งผ่านความเชื่อในธรรมประเพณีของศาสนจักรของพวกเขาเองนั้น การสอนคำสอนจึงมีบทบาทที่สำคัญอย่างยิ่ง ดังนั้นการนำเสนอด้านการสอนคำสอนจำเป็นที่จะ “ต้องเน้นถึงแง่มุมต่างทางด้านพระคัมภีร์และพิธีกรรมพร้อมๆ กับธรรมประเพณีของแต่ละพระศาสนจักร (sui iuris) คำสอนของบรรดาปิตาจารย์ ประวัติของผู้ศักดิ์สิทธิ์ แม้กระทั่งการอธิบายรูปสัญลักษณ์ต่างๆ ด้วย”[13]
291. “ต้องย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า พระศาสนจักรตะวันออกนั้นก็เช่นเดียวกันกับที่ี่พระศาสนจักรตะวันตกในปัจจุบันที่ได้แนะนำว่าการสอนคำสอนไม่สามารถแยกออกจากพิธีกรรม เนื่องจากการสอนคำสอนได้รับแรงบันดาลใจจากพิธีกรรมในฐานะที่เป็นธรรมล้ำลึกของพระคริสตเจ้าที่ได้รับการเฉลิมฉลองอย่างเป็นรูปธรรม (in actu) ซึ่งเป็นวิธีการที่ได้สืบทอดมาจากบรรดาปิตาจารย์ของพระศาสนจักร ในการอบรมบรรดาสัตบุรุษ แสดงออกว่า ‘การสอนคำสอน’ สำหรับคริสตชนสำรอง และ ‘การสอนคำสอนหลังรับศีลล้างบาป’ หรือ ‘การสอนคำสอนหลังรับศีลล้างบาป’ (mystagogy) เพื่อเริ่มในการนำเข้าสู่ธรรมล้ำลึกของพระเจ้า ด้วยแนวทางนี้ สัตบุรุษจะได้รับคำแนะนำอย่างต่อเนื่อง ในการค้นพบความชื่นชมยินดีของพระวาจา การสิ้นพระชนม์ และการกลับคืนพระชนมชีพขององค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ซึ่งพระจิตของพระบิดาได้ทรงนำเสนอให้แก่พวกเขา ด้วยความเข้าใจในสิ่งที่พวกเขาเฉลิมฉลองและจากการซึมซาบในสิ่งที่พวกเขาได้ทำการเฉลิมฉลอง ทำให้พวกเขามีแนวทางสำหรับชีวิต กล่าวคือ การสอนคำสอนหลังรับศีลล้างบาป จึงเป็นเนื้อหาของการดำรงอยู่ของพวกเขา การได้รับการไถ่กู้ การรับความศักดิ์สิทธิ์ และเป็นหนทางไปสู่พระเจ้า และในลักษณะเช่นนี้จึงเป็นพื้นฐานของชีวิตฝ่ายจิตและศีลธรรมด้วย ดังนั้น พึงตระหนักว่ากระบวนการทางคำสอนของพระศาสนจักรคาทอลิกตะวันออกนั้น มีจุดเริ่มต้นจากการเฉลิมฉลองในพิธีกรรมต่างๆ ที่เฉพาะเจาะจงของตนอย่างเป็นรูปธรรม”[14]
292. บรรดาบาทหลวงและผู้ที่เตรียมตัวรับศีลบวช์เช่นเดียวกับบรรดาผู้รับเจิมและฆราวาส ผู้ได้รับมอบพันธกิจทางคำสอนจะต้องเตรียมตัวเองและควรได้รับการอบรมและการสอนตามที่กำหนดไว้เป็นบรรทัดฐานของพระศาสนจักรเกี่ยวกับจารีตและธรรมเนียมปฏิบัติในเรื่องระหว่างพิธีกรรม โดยเฉพาะในเขตที่มีพระศาสนจักรที่มีความแตกต่างกันอยู่ในเขตพื้นที่ (เทียบ OE 4)นอกจากนี้ “คริสตชนผู้มีความเชื่อในพระศาสนจักรของแต่ละฝ่ายแม้แต่พระศาสนจักรละตินซึ่งมีความเกี่ยวพันบ่อยๆ กับคริสตชนผู้มีความเชื่อในอีกพระศาสนจักรหนึ่งนั้นไม่ว่าจะโดยหน้าที่ ศาสนบริการ หรือมีบทบาทอย่างใดอย่างหนึ่งจะต้องได้รับการสอนความรู้และการปฏิบัติตนในพิธีกรรมของพระศาสนจักรนั้นๆ โดยยังคงรักษาหน้าที่ ศาสนบริการหรือบทบาทที่ตนมีอย่างครบถ้วน”[15]