มีเพียงพยานปาก 2 พยานเท่านั้น คือ ฯพณฯ Pierre BACH อดีตสมณประมุขเขตปกครองทางศาสนาสะหวันนะเขต ผู้รู้จักเขาเพียงน้อยนิด และคุณครู กะนี ครูสอนหลักความ เชื่อชาวลาว ผู้ได้ใช้ชีวิตกับครู อุทัยอยู่หลายปี

ครูอุทัยเป็นชาวอีสานจากหมู่บ้านคำเกิ้ม ตำบลอาจสามารถ อำเภอเมือง นครพนม ริมฝั่งโขง ตรงข้ามกับดอนโด่น ครูอุทัยรับศีลล้างบาป วันที่ 25 ธันวาคม 1933/2476 ที่วัดนักบุญโยเซฟ คำเกิ้ม ค.พ. บุตรของเปาโล เครือ และอันนา ผาน พองพูม

หลังสงครามโลกครั้งที่สอง(1945/2488)รวมถึงการเบียดเบียนศาสนาเกือบจางลง ครูอุทัยในวัย 14 ขวบได้เข้าบ้านเณร(ประเทศไทย = ผู้เรียบเรียง) หลังจบมัธยมศึกษาได้กลับ ไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิดคำเกิ้ม เป็นครูสอนหลักความเชื่อ(ครูคำสอน) ได้แต่งงานกับมารีอา คำตัน ทองคำ แต่เมื่อคลอดลูกสาว มารีอา คำตันได้เสียชีวิต 3 เดือนต่อมาลูกสาวของคำตันก็ได้เสีย ชีวิตเช่นกัน

ปี1934/2477 ถึง 1940/2483 คุณพ่อ เตอะโนด์(TENAUD) ได้มาเป็นเจ้าอาวาสวัด คำเกิ้ม ณ ที่นี้เองที่ครูอุทัย และ ค.พ.เตอะโนได้รู้จักกันและได้ชวนครูอุทัยไปทำงานที่ประเทศ ลาว ครูอุทัยได้จากบ้านเกิดและได้กลายเป็นผู้ช่วย/ร่วมงานคนสำคัญของคุณพ่อ เตอะโนด์ในการสอนหลักความเชื่อในประเทศลาว เยี่ยมเยียนชาวบ้าน ช่วยเหลือผู้เดือดร้อนและเจ็บป่วย  ตามหมู่บ้านต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่บ้านป่งกิ่ว เมืองหนองบก แขวงคำม่วน(ท่าแขก)เป็นเวลา 4 ปี(1955/2498 – 1958/2501)

ในช่วงที่คุณพ่อเตอะโนด์กลับไปฝรั่งเศส 1 ปี ครูอุทัยได้ตัดสินใจกลับบ้านคำเกิ้มและได้ทำงานกับฯพณฯ เกี้ยน เสมอภิทักษ์ เมื่อคุณพ่อ เตอะโนด์กลับจากฝรั่งเศส ได้รับมอบ หมายให้บุกเบิกเขตแพร่ธรรมแขวงสะหวันนะเขต ได้มาขอครูอุทัยจาก ฯพณฯ เกี้ยน เมื่อพ่อลูกพบกันอีกครั้งต่างร้องไห้กอดกันกลม คุณพ่อ เตอะโนด์ได้พูดกับครูอุทัยว่า “เราจะตายด้วยกัน และไปสวรรค์ด้วยกันเด้อ”

ปี 1961/2504 คุณพ่อเตอะโนด์  ออกเดินทางพร้อมกับครูอุทัยและชายหนุ่มคริสตชน จากป่งกิ่ว เพื่อไปเยี่ยมเยียนบรรดาผู้ที่เตรียมตัวรับศีลล้างบาปในหมู่บ้านต่างๆ คุณพ่อพัก ที่ค่ายเซโน (SENO=อดีตฐานทัพของฝรั่งเศส) ทหารฝรั่งเศสเตือนคุณพ่อถึงภัยที่เกิดขึ้นทั่วไป ในเขตนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตที่คุณพ่อกำลังจะผ่านไป และแนะนำอย่างแข็งขันว่า ไม่ ควรไป
 
ในตอนกลับ ขณะหลบอยู่ในหมู่บ้าน ชาวบ้านบางคนทรยศ ทั้งสามท่านจึงถูกทหาร เวียดนามเหนือจับ บังคับให้กลับไปพะลาน ตอนเดินทางกลับ พวกท่านถูกซุ่มโจมตีระหว่าง เมืองพีนและพะลาน ทหารที่มาด้วยถูกฆ่าตาย คุณพ่อบาดเจ็บที่ขา อุทัยบาดเจ็บที่คอถูกส่ง ตัวไปรักษาที่พะลานอยู่ 8 วันจึงหาย

ปลายสัปดาห์ คุณพ่อ เตอะโนด์ ขออนุญาตคณะบริหารเมืองชั่วคราวกลับสะวันนะ เขตพร้อมกับครูอุทัย มีคนเห็นพวกเขาเดินออกจากที่ทำงานของศูนย์ฯเท้าเปล่าพร้อมกับกลุ่ม ทหาร ไม่มีใครเห็นพวกเขากลับไปที่พะลาน และก็ไม่เคยเห็นพวกเขาไปถึงสะวันนะเขตด้วย

เมื่อทราบข่าวฆาตกรรมของ ค.พ.เตอะโนด์ และเพื่อน“ครูสอนหลักความเชื่อ” ผู้ซื่อ สัตย์ ทุกคนรู้ดีว่าครูคนนั้น คือ ครูอุทัย ผู้ทำงานกับคุณพ่อผู้ดูแลวัดป่งกิ่วตั้งแต่ปี 1944/ 2487 ถึง 1958/ 2501  เมื่อ ค.พ.เตอะโนด์ไปทำงานที่สะหวันนะเขต ครูอุทัยได้ติดตามไปด้วย และได้เป็นเพื่อนคุณพ่อในทุกสนามการประกาศข่าวดี

พยานปากจาก ฯพณฯ Pierre BACH:
<<ขณะทราบข่าวฆาตกรรมของครูอุทัย และของ ค.พ.เตอะโนด์ พ่ออยู่ที่ไทย สิ่งที่พ่อ ทราบจึงมาจากการบอกเล่าอีกที คือ

...ทั้งสองท่านเดินทางในรถคันเดียวกันบนถนนสะหวันนะเขตมุ่งสู่เวียดนาม เมื่อผ่านเขตปลอดการคุ้มครองของทหาร และเป็นแนวดินแดนของกลุ่มผู้รักชาติ (ผู้ก่อการร้าย?) ทั้ง สองท่านถูกซุ่มโจมตี ครอุทัยบาดเจ็บ

เราอาจอธิบายได้ด้วยสมมุติฐานดังนี้ คือ กลุ่มผู้รักชาติไม่ต้องการให้ผู้ใดเข้ามาในเขตที่ตนควบคุมยึดครองอยู่ เป็นที่แน่นอนว่า ครูอุทัยไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องการเมืองแน่ มีคนเคยให้คำแนะนำคุณพ่อ เตอะโนด์ ว่าอย่าเข้าไปในเขต นั้นเพราะอันตราย แต่ท่านก็จงใจไปเยี่ยมเพราะมีคริสตศาสนิกชนอยู่โดดเดี่ยวในที่นั้ และ ครู อุทัยก็น้อมรับที่จะเดินทางไปด้วย เป็นที่แน่นอนว่าครูอุทัยรู้ดีถึงอันตรายข้างหน้า และนี่เป็นเครื่องชี้ว่าครูอุทัยเต็มใจมอบชีวิตของตนเพื่องานธรรมทูตจริงๆ เพราะเปี่ยมด้วยพลังแห่ง ความเชื่อ เขาเลือกเดินตามองค์พระคริสต์และเขาก็สัตย์ซื่อต่อการเลือกนี้จนตลอด

เราไม่ทราบแน่ถึงเหตุผลของผู้กระทำการสังหารครั้งนี้ รู้แต่เพียงว่ากลุ่มผู้รักชาติ (ผู้ก่อ การร้าย)ได้รับการอบรมบ่มสอนจากพวกเวียดมินต์ที่รักเกียจศาสนา พวกเขาต้องการกำจัด ความเชื่อคาทอลิกให้สิ้นซากออกจากประชาชนลาว

แต่เราควรทราบด้วยว่า เหตุผลของคนกลุ่มนี้มีแนวความคิดสองสามอย่างปะปนอยู่ เช่น ความเกลียดชังพวกทุนนิยม พวกอเมริกัน พวกผิวขาว ได้มีการออกกฎให้คนไปลงชื่อ ว่า จะละทิ้งความเชื่อ บางคนทำบางคนปฏิเสธ จึงอาจพูดได้ว่าความเกลียดชังความเชื่อคาทอลิก เป็นเหตุในทางอ้อมถึงการตายของครูอุทัย

พ่อคิดว่าครูอุทัยเป็นมรณสักขี นั่นคือ คริสต์ศาสนิกชนคนหนึ่งที่มีใจกล้าหาญ ยอม สละชีวิตเหตุเพราะยึดความเชื่อและดำเนินชีวิตตามองค์พระคริสต์จนลุความตาย

คริสตศาสนิกชนรวมถึงบาดหลวของสะหวันนะเขตมีความเชื่อมั่นเช่นเดียวกันนี้ ทุก คน ทั้งคริสตศาสนิกชนและไม่ใช่คริสตศาสนิกชนทราบ และเห็นการดำเนินชีวิตเชิงวีรบุรุษ ของครู อุทัย อันเป็นแบบโน้นน้าวจิตใจทั้งฆราวาสและบาดหลวงหลายท่าน
 
ครูสอนหลักความเชื่อชาวลาวอีกท่านหนึ่ง คือ ครูกะนี เป็นพยานยืนยัน ว่าในความ คิดของท่าน ครูอุทัยเป็นมรณสักขีอย่างแน่นอน ท่านไม่กลัวที่จะไปทำงานในถิ่นที่ทุกคนรู้ว่า ไม่ปลอดภัย ท่านมีความวางใจในพระบิดาเจ้า ท่านได้เดินตามองค์พระคริสต์เหมือนศิษย์ เดินตามอาจารย์ของตนและไม่ยอมปล่อยให้อาจารย์อยู่คนเดียวโดดเดี่ยว

นำมาแบ่งปันโดย “ปากกาน้อย”


 

คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรม แผนกคริสตศาสนธรรม
อาคารเลขที่ 122/11 ซ.นนทรี 14 (ซ.นาคสุวรรณ)  ถ.นนทรี  ยานนาวา  กรุงเทพฯ 10120