โดย..พระสังฆราชวีระ  อาภรณ์รัตน์


ในกฤษฎีกาสมัชชาใหญ่ของพระศาสนจักรคาทอลิกในประเทศไทย ค.ศ. 2016 (ฉบับรอการรับรองจากสันตะสำนัก) ศิษย์พระคริสต์เจริญชีวิตประกาศข่าวดีใหม่  เน้นศิษย์ธรรมทูต (Missionary Disciple) ตามที่สมเด็จพระ สันตะปาปาฟรังซิส ได้กล่าวถึง (พระสมณสาสน์เตือนใจความชื่นชมยินดีแห่งพระวรสาร ข้อ119-121)  หมายถึง คริสตชนทุกคนจำเป็นต้องได้รับการอภิบาลช่วยเหลือให้เจริญชีวิตในอารยธรรมแห่งความรัก ด้วยวิถีชีวิตชุมชนคริส ตชนย่อย... เป็นการร่วมสร้างพระอาณาจักรพระเจ้า...แห่งความจริง ความยุติธรรม ความรัก ความเมตตา และสันติสุข” (กฤษฎีกาฯ ข้อ 13)

พระศาสนจักรคาทอลิกในประเทศไทยต้องมุ่งสร้าง สนับสนุน ส่งเสริมและพั ฒนาฆราวาสให้เข้มแข็งมากขึ้น  อย่างต่อเนื่องและเป็นระบบกว่าเดิม จำเป็นต้องจัดตั้ง
“สถาบันพัฒนาคริสตชนฆราวาส” ให้มีหลักสูตรหลากหลาย ครอบคลุมคริสตชนทุกเพศ  ทุกวัย ทุกสาขาอาชีพ มีรูปแบบของการอบรมที่ทุกคนเข้าถึงได้สะดวก เพื่อให้คริสตชนสามารถดำเนินชีวิตเป็นประจักษ์พยา นในทุกมิติของชีวิต” (กฤษฎีกาฯ ข้อ 37)

มติในการประชุมสภาพระสังฆราชคาทอลิกฯ วันที่ 17 มีนาคม 2016 ให้ฝ่ายอภิบาล เป็นผู้รับผิดชอบไปประสานงาน  ครั้งคณะกรรมการรับผิดชอบ  สถา บันพัฒนาคริสตชนฆราวาส  เราจึงได้ประชุมกันเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2016 เพื่อให้มี
กรรมการจากทุกฝ่าย  ทุกแผนกที่เกี่ยวข้องประมาณ 30 คน  รวมพระสังฆราช  พระสงฆ์ นักบวช และฆราวาส  เช่น  จากทีมวิถีชุมชนวัด  ธ รรมทูตไทย  วิทยาลัยแสงธรรม ศูนย์คริสตศาสนธรรมระดับชาติ ฯลฯ  นัดประชุมวันอังคารที่ 21 มิถุนายน 2016 ณ บ้านผู้หว่าน โดยคุณพ่อปิยะชาติ  มะกรครรภ์  เป็นผู้ประสานงาน และใช้งบประมาณจากแผนกพระคัมภีร์สำรองจ่าย

สภาพและสิ่งท้าทาย
คณะกรรมการคริสตศาสนธรรม  และวิทยาลัยแสงธรรม  ได้เปิดหลักสูตรคริส ต์ศาสนา  ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 ปัจจุปันพัฒนาหลักสูตรจาก 4 ปี เป็น 5 ปี แต่เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน และสภาพฆราวาสผู้สนใจมาเรียนที่วิทยาลัยแสงธรรม มีจำนวนลดลง  เหมือนสามเณร

เยาวชนไม่ค่อยสนใจมาเป็นครูคำสอน  สังฆมณฑลที่มีทุนสนับสนุนมากกลับไม่ค่อยมีผู้สมัคร  แต่สังฆมณฑลที่มีเยาวชนสนใจ  กลับมีกองทุนน้อย

มีบางคนเสนอความเห็นให้สนใจครูคาทอลิกที่เกษียณอายุ  หากเราสำรวจ รวบรวมและจัดการอบรมพิเศษ ด้านคริสตศาสนธรรมระยะสั้น 3-6 เดือน เราอาจได้บุคลากรที่มีประสบการณ์ครูแล้ว ช่วยงานตามวัดและโรงเรียนได้ดียิ่งขึ้น

หน่วยงานอภิบาล ธรรมทูต การศึกษา สังคม และสื่อสารสังคม  ได้ทำงานตามพันธกิจอยู่แล้ว  ไม่ต้องสร้างอาคาร แต่รวมพลังกันพัฒนาคริ สตชนฆราวาส ให้เป็นศิษย์ธรรมทูต  และร่วมประกาศข่าวดีใหม่ด้วยความยินดี  จึงเป็นพันธกิจที่ท้าทาย

คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรม แผนกคริสตศาสนธรรม
อาคารเลขที่ 122/11 ซ.นนทรี 14 (ซ.นาคสุวรรณ)  ถ.นนทรี  ยานนาวา  กรุงเทพฯ 10120