โซเรน กีเอร์เกการ์ด (5 พ.ค. 1813-11 พ.ย. 1855) เป็นนักปรัชญาและนักเทววิทยาที่อาศัยในประเทศเดนมาร์ค ประมาณ 160 ปีมาแล้ว ในหนังสือเล่มหนึ่งเขามีเรื่องเล่าเกี่ยวกับกษัตริย์องค์หนึ่งที่หลงรักหญิงสาวชนบทคนหนึ่ง กษัตริย์รู้ว่าค่อนข้างจะเป็นไปไม่ได้สำหรับพระองค์ ที่จะแต่งงานกับสตรีคนนี้ เพราะบรรดากษัตริย์ไม่เคยแต่งงานกับชาวชนบท ทุกพระองค์แต่งงานกับคนในเชื้อพระวงศ์ทั้งสิ้น แต่กษัตริย์พระองค์นี้มีอำนาจมาก พระองค์รู้ว่าพระองค์สามารถแต่งงานกับหญิงสาวคนนี้ได้ และขจัดอุปสรรคได้ แต่ความคิดอีกอย่างหนึ่งก็เข้ามา หากพระองค์แต่งงานกับหญิงชนบทนี้และยังเป็นกษัตริย์ น่าจะมีบางอย่างที่ขาดหายไปเสมอในความสัมพันธ์ของทั้งสอง ผู้หญิงชื่นชมกษัตริย์อยู่แล้ว แต่เธอคงไม่รักพระองค์จริงๆ ช่องว่างระหว่างทั้งสองห่างกันมากเหลือเกิน เธอคงรู้ตัวว่าพระองค์เป็นผู้สูงส่ง และเธอเป็นเพียงสาวชนบทต่ำต้อย ดังนั้นกษัตริย์ได้ตัดสินใจอีกแผนหนึ่ง พระองค์ตัดสินใจว่าพระองค์ควรสละจากฐานะกษัตริย์ มาเป็นชาวชนบทธรรมดา แล้วพระองค์จะมอบความรักแก่เธอในฐานะชาวบ้านต่ำต้อยต่อชาวบ้านด้วยกัน กษัตริย์ได้ตระหนักด้วยว่า หากพระองค์ทำเช่นว่า สถานการณ์อาจแย่กว่าอีก พระองค์จะสูญเสียไม่ใช่ฐานะกษัตริย์เท่านั้น แต่สูญเสียผู้หญิงคนนี้ด้วย เธออาจปฏิเสธพระองค์ หากเธอคิดว่าพระองค์ไร้ปัญญาที่ทำเช่นนี้ และดังนั้น กษัตริย์มีปัญหา พระองค์ควรทำอย่างไร ในที่สุด กษัตริย์ได้ตัดสินใจว่า พระองค์รักหญิงสาวชนบทมากจนว่าพระองค์จะเสี่ยงทุกอย่าง เพื่อทำให้ความรักระหว่างทั้งสองเป็นไปได้จริง กีเอร์เกการ์ดไม่เคยเล่าว่าเรื่องนี้จบอย่างไร เขาไม่เคยบอกว่าผู้หญิงยอมรับความรักของกษัตริย์ หรือ ปฏิเสธ เขาไม่เคยบอกว่าทั้งสองได้แต่งงานกัน และอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข กีเอร์เกการ์ดมีเหตุผล 2 ประการ ที่ไม่บอกว่าเรื่องนี้จบอย่างไร ประการแรก เพราะไม่ใช่ประเด็นของเรื่องนี้ ประเด็นของเรื่องนี้คือ ความรักของกษัตริย์ต่อหญิงชนบทต่ำต้อย เป็นเรื่องใหญ่มากจนพระองค์ได้สละฐานะกษัตริย์ และราชบัลลังค์เพื่อเธอ เหตุผลที่สอง ทำไมกีเอร์เกการ์ดไม่เคยบอกว่าเรื่องนี้จบอย่างไร เพราะมันยังไม่จบ มันจะคงอยู่ต่อไป เป็นเรื่องจริงที่ยังไม่มีใครบันทึก มันเป็นเรื่องจริงเกี่ยวกับความรักของพระเจ้าสำหรับเราแต่ละคน กษัตริย์ในเรื่องนี้ คือ พระเจ้า หญิงสาวในเรื่องนี้ คือ เราแต่ละคนนั่นเอง อย่างไรก็ดี มีข้อแตกต่าง 2 ประการ ประการแรก พระเจ้าทรงเป็นยิ่งกว่ากษัตริย์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า ประการที่สอง ความรักของพระเจ้าสำหรับเราไม่มีสิ้นสุด ทรงรักเรามากยิ่งกว่ากษัตริย์สามารถรักหญิงสาวชนบทคนนั้น แต่ส่วนที่เหลือของเรื่องนี้เหมือนกันชัดเจน พระเจ้าทรงรักเราและรักษาฐานะพระเจ้า แต่ช่องว่างระหว่างพระองค์กับเรายิ่งใหญ่มาก มันยากมากสำหรับเราที่จะรักพระเจ้าอย่างอิสระ ดังนั้น พระเจ้าทรงตัดสินพระทัยมากลายเป็นมนุษย์คนหนึ่งเหมือนเรา พระเยซูคริสตเจ้าทรงมาบังเกิดเป็นมนุษย์ต่ำต้อย พระองค์ทรงยืนยันความรักของพระองค์ต่อเรา ในวิถีทางที่ไม่แสดงอำนาจครอบงำเรา พระองค์ทรงยืนยันความรักของพระองค์ต่อเรา ในวิถีทางที่เราไม่สามารถเข้าใจได้สมบูรณ์ และตอบรับได้อย่างเสรี นี่จึงเป็นเหตุผลที่สองที่กีเอร์เกการ์ดไม่เคยบอกว่าเรื่องนี้จบอย่างไร เพราะเหตุว่าเรื่องราวความรักระหว่างพระเจ้ากับเรายังคงมีต่อไป เพราะเหตุว่าเรื่องราวความรักระหว่างพระเจ้ากับเรายังไม่จบ เราแต่ละคนกำลังเขียนตอนจบเองส่วนตัว เราแต่ละคนกำลังตัดสินใจว่าจะยอมรับความรักของพระเจ้าหรือไม่ เราแต่ละคนกำลังตัดสินใจว่าเราจะดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขกับพระเจ้าตลอดไปหรือไม่ พระเยซูคริสตเจ้าทรงเป็นกษัตริย์ทรงอำนาจจริง ผู้เสด็จมาบังเกิดเหมือนเรา เพื่อรักและรับใช้เรา พระองค์ตรัสว่า บุตรแห่งมนุษย์มิได้มาเพื่อให้ผู้อื่นรับใช้ แต่มาเพื่อรับใช้ผู้อื่น และมอบชีวิตของตนเป็นสินไถ่เพื่อมวลมนุษย์ |
|||
พระสังฆราช วีระ อาภรณ์รัตน์ แปล |
|||