โดย พณฯ วีระ อาภรณ์รัตน์

        บทนำ “พระศาสนจักรในเอเชียต้องเป็น กลุ่มชนที่เป็นหนึ่งเดียวกัน  (Communion of Communities)”  ในพันปีที่สาม นี่เป็นความฝันของการประชุมสหพันธ์สภาพระสังฆราชแห่งเอเชีย  ที่เมืองบันดุง  ค.ศ. 1990   บรรดาพระสังฆราช  พระสงฆ์  นักบวชและฆราวาส 90 คน จาก  13  ประเทศ  ได้มารวมกันที่ศูนย์พระมหาไถ่  พัทยา ประเทศไทย  หัวข้อ  วิถีชุมชนวัด  จัดโดยสถาบันพระสังฆราช  เพื่ออภิบาลฆราวาส (BILA )  ระหว่างวันที่ 18-23  ตุลาคม ค.ศ. 2010  เราโมทนาคุณพระเป็นเจ้าที่ทรงบันดาลใจ  ให้กับบรรดาพระสังฆราชเอเชียให้มีวิสัยทัศน์นี้ เพื่อนำพระศาสนจักรเอเชียให้มุ่งสู่วิถีทางใหม่แห่งการเป็นพระศาสนจักร  อาศัย วิถีชุมชนวัด เน้นการมีส่วนร่วมของสัตบุรุษทุกคน ในชีวิตและพันธกิจของพระศาสนจักร

เสริมกำลังอาศัยพระวาจาและศีลศักดิ์สิทธิ์

         อาศัยการแบ่งปันพระวาจาในวิถีชุมชนวัด  ตามที่สภาสังคายนาวาติกันที่  2 ได้สอนเน้นความสำคัญของพระวาจาพระเจ้า เราเห็นได้ว่าพระหัตถ์ของพระเยซูทรงนำชุมชนเหล่านี้  ทรงเรียกประชาชนธรรมดามากมายให้เป็นผู้นำ และรับใช้วิถีชุมชนวัดใน  17  ประเทศเอเชีย พระองค์ทรงเสริมกำลังพวกเราอย่างสม่ำเสมอ  อาศัยพระวาจาและศีลศักดิ์สิทธิ์ พระจิตเจ้าทรงนำพระศาสนจักรในเอเชีย  ด้วยแรงบันดาลใจ ทรัพยากรและการจัดองค์การ  เพื่อวางแผนทำให้วิสัยทัศน์นี้เป็นจริงในชีวิตของประชาชนแห่งเอเชีย  เป็นผลการสร้างของ ASIPA  ที่มาอบรม และการพัฒนาวัสดุการอบรม  เราได้จัดการประชุมใหญ่ระดับนานาชาติ  5 ครั้ง  และการประชุมระดับชาติหลายครั้ง  ทำให้เกิดคริสตชนกลุ่มย่อยหลายพันกลุ่มทั่วเอเชีย ผู้นำพระศาสนจักรชี้แนะ พระจิตเจ้าทรงริเริ่มวิสัยทัศน์ของวิถีชุมชนวัด  โดยอาศัยบรรดาพระสังฆราชเอเชีย  ดังเห็นได้จากสภาพระสังฆราชหลายแห่ง เอาใจใส่นำไปปฏิบัติในสังฆมณฑล ให้ความสำคัญในงานอภิบาลนี้ หลายประเทศจัดตั้งทีมอบรมระดับชาติ มีสำนักงานส่งเสริมชุมชนคริสตชนย่อย พระจิตเจ้าทรงดลใจต่อเนื่องให้บรรดาพระสงฆ์และนักบวชส่งเสริมวิถีชุมชนวัด เข้ามามีส่วนร่วมช่วยนำชุมชนคริสตชนกลุ่มย่อย  ให้ค้นพบกระแสเรียก  บรรดาพระสังฆราชเช่นกัน  หลายองค์อยู่ในทีมอบรม นี่เป็นเครื่องหมายน่ายินดี

พระศาสนจักรได้รับการฟื้นฟู : กลุ่มชนที่เป็นหนึ่งเดียวกัน

         ชุมชนคริสตชนกลุ่มย่อย ทำให้พระศาสนจักรกลับสู่ต้นกำเนิด เป็นพระศาสนจักรของประชาชน  ช่วยเผยแสดงพระธรรมล้ำลึกแห่งพระวาจาที่ซ่อนอยู่หลายสมัย    ดำเนินชีวิตข่าวดีแห่งพระวรสารด้วยความรักและการบริการฉันท์พี่น้อง  พระวรสารใหม่และสดเสมอ ประชาชนเป็นพี่น้อง  ปราศจากอคติ สร้างสะพานที่เสริมสัมพันธ์ที่เคยแตกแยก ให้มีความหวังใหม่ในชีวิต ช่วยให้ฆราวาสหลายพันคนตื่นตัวมาช่วยเหลือชุมชน  ดังที่ปิตาจารย์ของสมัชชาพระศาสนจักรแห่งเอเชีย ยืนยันว่า  “ชุมชนคริสตชนย่อย เป็นวิถีทางที่มีประสิทธิภาพ  เพื่อส่งเสริมสายสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมในเขตวัดและสังฆมณฑล”  (EA 25) ชุมชนคริสตชนย่อยทำให้พระพักตร์พระเยซูเห็นชัด และอาศัยการบริการด้วยความรักก็กลายเป็นเมล็ดพันธุ์ เพื่อสังคมใหม่ที่มีความรักเป็นรากฐาน (RM 51)

        การท้าทายให้มุ่งหน้า แม้เราจะยินดีที่มีชุมชนคริสตชนย่อยทั่วเอเชีย แต่ก็ยังมีการท้าทายและปัญหาให้แก้ไข  หากชุมชนคริสตชนย่อยต้องเติบโตแข็งแรง มีความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้าน  ผู้นำพระศาสนจักรต้องมีทักษะร่วมก้าวไปกับชุมชน และสามารถช่วยแก้ไขปัญหาและสิ่งท้าทายต่างๆ ในชีวิตประจำวัน  เช่น  สมาชิกในวัดไม่สนใจ  ขาดความเข้าใจพระคัมภีร์ จะทำให้เขาเป็นเหยื่อของการเปลี่ยนศาสนา หันไปหาครูที่สอนห่างความจริงแห่งพระวรสาร (2 ทธ. 4:4)  การดำเนินชีวิตที่แท้นั้นทำให้เราสามารถเป็นพยานที่แท้  เมื่อเราเป็น บุคคลที่ตระหนักในพระเจ้า บรรดาพี่น้องชายหญิงเอเชียจึงสามารถช่วยให้ผู้อื่นสัมผัสและสนใจพระเยซูเจ้า สำหรับความต้องการผู้นำที่ได้รับการฝึกแล้ว  ชุมชนคริสตชนย่อยเห็นว่า พวกเขาเป็นกลุ่มภาวนา และต้องการเป็นศิษย์ผู้ติดตามพระเยซูเจ้าในพันธกิจของพระองค์ (บันดุง เลขที่ 9.1)  ต้องรับผิดชอบอย่างฉลาด  เพื่อทำให้แผนการของพระเจ้าสำเร็จเป็นจริงในชีวิตประจำวัน เหมือนเป็นการภาวนาต่อเนื่อง  ในบทข้าแต่พระบิดา ให้เราร่วมใจกับสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล  ที่ 2  ที่ตรัสว่า  “บรรดาผู้เข้าร่วมประชุมสมัชชา ข้าพเจ้าขอสนับสนุนพระศาสนจักรในเอเชีย  เน้นคุณค่าของ กลุ่มคริสตชนขั้นพื้นฐาน ว่าเป็นหนทางที่มีประสิทธิภาพในการส่งเสริมความเป็นหนึ่งเดียว  และการมีส่วนร่วมในกิจกรรมของวัดและในสังฆมณฑล และเป็นพลังอันแท้จริงในการประกาศพระวรสาร”  (EA 25) เราจึงหันไปหาพระเจ้าด้วยความสุภาพและไว้วางใจ เพื่อแสงสว่างใหม่และพลกำลังให้ผ่านความลำบากเหล่านี้

กิจกรรมที่แนะนำ

        ก้าวต่อไปของวิถีชุมชนวัด ในเขตวัด จึงเรียกร้องให้เรามีแนวปฏิบัติงานอภิบาลที่มีระบบ แบบแผน เรากล้าอุทิศตนปฏิบัติตามอย่างซื่อสัตย์

        ก. ขอให้สภาพระสังฆราช  และพระสังฆราชแต่ละองค์จัดการอบรม  สนับสนุนและส่งเสริมวิถีชุมชนวัด เป็นงานอภิบาลหลัก  และติดตามอย่างสมควร

        ข. ภายใน 20 ปี เราต้องการผู้นำที่ได้รับการอบรมทุกระดับ  เป็นผู้สามารถนำชุมชน  ให้เป็นชุมชนแห่งการประกาศข่าวดีที่กระตือรือร้น

        ค. ผู้มีอำนาจในพระศาสนจักร เป็นผู้มีวิสัยทัศน์ในงานอภิบาลนี้  และนำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง เพื่อช่วยทำให้กระบวนการสร้างชุมชนคริสตชนย่อยในเขตวัดเป็นจริง

        ง. เราต้องการบรรดาพระสงฆ์และนักบวช สามารถทำงานเต็มเวลาและสนับสนุนชุมชนนี้

        จ. สังฆมณฑลต้องช่วยให้ชุมชนที่ได้ตั้งขึ้นแล้ว  ให้คงอยู่และได้รับการเลี้ยงดูให้พัฒนา

        ฉ. ไม่พอแค่แต่งตั้ง  บางคนให้รับผิดชอบประสานงานชุมชนคริสตชนย่อย  แต่คนนั้นควรได้รับการอบรมอย่างเหมาะสม  ให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ พร้อมด้วยทรัพยากรที่พอเหมาะ

        ช. ต้องเอาใจใส่พิเศษให้บรรดาสามเณรและผู้สมัครเข้าคณะนักบวช ได้รู้จักการสร้างและการอบรมชุมชนคริสตชนย่อยอย่างเป็นระบบ

ความหวังได้รับการฟื้นฟู

         เรามีหวังใหม่ในชุมชนคริสตชนย่อยว่าจะนำพระศาสนจักร อย่างที่สมเด็จพระสันตะปาปาเปาโล  ที่ 6 ได้กล่าวไว้  (EN 58) และสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล  ที่ 2 (RM 51)  ให้เรายอมรับประสบการณ์ที่ได้รับการฟื้นฟู  ในเขตวัดต่างๆ จากพระจิตเจ้า  และนำชุมชนเหล่านี้  เราขอซ้ำความเห็นของบรรดาพระสังฆราชที่ได้ประชุมที่เมืองบันดุง ใน ค.ศ. 1990  ว่า “เราภาวนาและมีความหวัง เราขอฝากตนเองไว้กับพระนางมารีย์  พระมารดาของพระเยซู  พระแม่เป็นผู้นำหนทางของเรา  ขอพระนางช่วยพระศาสนจักรในเอเชีย  ให้รักษาหนทางที่ถูกต้องนี้  แม้จะเป็นหนทางแห่งไม้กางเขน” (บันดุง ข้อ 1

Home

คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรม แผนกคริสตศาสนธรรม
อาคารเลขที่ 122/11 ซ.นนทรี 14 (ซ.นาคสุวรรณ)  ถ.นนทรี  ยานนาวา  กรุงเทพฯ 10120