เมื่อประมาณต้นปี ค.ศ. 2012
หลังจากที่ได้ดำเนินงานมาระยะหนึ่ง ที่ประชุมคณะกรรมการดำเนินงานแผนกวิถีชุมชนวัด ฝ่ายงานอภิบาล อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ได้เตรียมแผนขยายขอบข่ายการดำเนินงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความต่อเนื่องของการฟื้นฟูความเชื่อคริสตชนทุกวัย โดยใช้ขบวนการอภิบาลแบบบูรณาการโดยมี AsIPA (Asian Integral Pastoral Approach) เป็นเครื่องมือ สำหรับผู้ใหญ่นั้นเราพอมีแนวทางที่ชัดเจนแล้ว คือ นอกจากเอกสาร
กระบวนการฟื้นฟูชุมชนศิษย์พระคริสต์
ในแต่ละเดือนแล้ว เรายังใช้พระวาจาประจำวัน หรือ ประจำสัปดาห์ที่เรายึดเป็นแนวปฏิบัติอยู่เป็นประจำ เรายังเล็งเห็นความสำคัญของเด็ก เยาวชน ซึ่งถ้าบุคคลเหล่านี้ได้มีโอกาสร่วมในชุมชนย่อย ๆ ในละแวกบ้านของเขานั้นป็นสิ่งที่ดี จะทำให้เขาได้ซึมซับทีละเล็กทีละน้อย นอกจากนี้เรายังตระหนักถึงองค์ความรู้และประสบการณ์ที่เขาควรจะได้รับ จึงพยายามสรรหาคู่มือเพื่อที่จะเสริมจิตตารมณ์การเป็น
วิถีชุมชนวัด สำหรับเขา ที่สุดก็ได้พบว่าหนังสือคำสอน ชุดชีวิตคริสตัง เล่ม 1 9 ซึ่งทางคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรม แผนกคริสตศาสนธรรม สภาพระสังฆราชฯ ได้จัดพิมพ์โอกาสฉลอง ปีปีติมหาการุญ
ค.ศ. 2000 ใช้สำหรับสอนระดับชั้นประถมปีที่ 1 มัธยมปีที่ 3 นั้นดีอยู่แล้ว จึงได้นำมาศึกษาเพิ่มเติมและพยายามบูรณาการกับกระบวนการ วิถีชุมชนวัด
โดยยึดเครื่องหมาย 4 ประการที่เป็นการบ่งชี้ถึงความเป็นวิถีชุมชนวัด(Basic Christian Community - BEC) คือ
1. จำนวนสมาชิกในกลุ่มย่อยเริ่มจากประมาณ 5 15 ครอบครัว เป็นเพื่อนบ้านกัน หรืออยู่ในละแวกเดียวกัน
2. กิจกรรมสำคัญคือการแบ่งปันพระวาจาเป็นพื้นฐานของการพบปะกัน 3. การแสดงออกและทำสิ่งต่างๆ ร่วมกันของชุมชนคริสตชนย่อยนั้นมาจากความเชื่อ
4. ชุมชนคริสตชนย่อยต้องเป็นหนึ่งเดียวกับพระศาสนจักรสากลและต้องขึ้นกับวัดที่ตนสังกัด
ในส่วนของกระบวนการเรียนรู้ในหนังสือชุดชีวิตคริสตัง ซึ่งประกอบด้วย 5 ขั้นตอน คือ
1. ประสบการณ์ (Learning Activity) ขั้นตอนนี้ประกอบด้วยการแบ่งปันและการอภิปราย เป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความรู้สึกของผู้เรียนจากกิจกรรมที่กระทำ ซึ่งอาจจะเป็นกิจกรรมกลุ่ม หรือส่วนตัว
2. เนื้อหา
(Christian Message) เป็นการมุ่งไปที่การเสนอ การพัฒนา และช่วยผู้เรียนให้มีความลึกซึ้งในพระคัมภีร์อย่างชัดเจน เท่าที่สามารถแก่ผู้เรียน ครูมีบทบาทเป็นผู้อำนวยความสะดวก อธิบาย ทำให้ลึกซึ้ง และขยายหัวข้อเรื่องภายใต้การอภิปราย
3. เสริมประสบการณ์
(Enrichment) เป็นการนำเอาคำถามหรือข้อข้องใจของผู้เรียนที่เกิดขึ้นในระหว่างการอภิปรายเนื้อหามาทำให้กระจ่างชัดขึ้น หรืออาจมีบางแง่มุมที่ควรเพิ่มเติมให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
4. การตอบรับ
(My response) เป็นการตัดสินใจกระทำ วางแผนกิจกรรม และความตั้งใจ การไตร่ตรอง ความร่วมมือ และสร้างสรรค์งานต่างๆ ร่วมกัน เพื่อตอบรับกับสิ่งที่ได้เรียนรู้มาจากเนื้อหาในพระคัมภีร์ และธรรมประเพณีต่างๆ ของพระศาสนจักร ให้เหมาะกับสภาพการณ์ปัจจุบัน และสภาพแวดล้อมที่เป็นจริงตามแบบสังคมไทย
5. ฉันเรียนรู้
(My Learnings) เป็นการวัดผลทางด้านความคิด กิจกรรม และข้อตั้งใจปฏิบัติ ครูมีบทบาทเป็น ผู้แนะแนว ให้กำลังใจผู้เรียนให้ค้นพบวิถีทางใหม่ในการประพฤติและปฏิบัติ
จากกระบวนการเรียนรู้ในหนังสือชุดชีวิตคริสตัง 5 ขั้นตอนนี้
ทางคณะกรรมการดำเนินงานฯจึงได้ร่วมมือกับคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรม
แผนกคริสตศาสนธรรม สภาพระสังฆราชฯ นำวิธีการแบ่งปันพระวาจาอีกรูปแบบหนึ่งซึ่งใช้ในการอภิบาลวิถีชุมชนวัด ที่เรียกว่า LOOK LISTEN LOVE (3Ls ) มาจัดในรูปแบบแผนการจัดการเรียนรู้ฯ เพื่ออำนวยความสะดวกในการนำไปใช้ ขั้นตอนหลักของกระบวนการ 3Ls ได้แก่
1. การมองชีวิตในปัจจุบัน (LOOK) ประสบการณ์ เรื่องเล่า / คำถามเพื่อการไตร่ตรอง 2. การฟังพระวาจาของพระเจ้า (LISTEN) ไตร่ตรอง / แบ่งปัน
3 การดำเนินชีวิตศิษย์พระเยซู (LOVE) นำพระวาจาไปปฏิบัติ
|