จอห์น ทูเฮย์ (John Touhey).  Aleteia เผยแพร่เมื่อ 24 เมษายน 2024

ความฝันเกิดขึ้นได้ทุกวัน แต่เป็นความจริงที่ลึกลับมาก ในพระคัมภีร์ สิ่งเหล่านี้ยังเป็นวิธีการหนึ่งที่พระเจ้าทรงสื่อสารความจริงอันเร่งด่วนแก่ลูกๆของพระองค์

ความฝันยังคงตรึงใจมนุษยชาติต่อไป การฝันเป็นประสบการณ์ที่ทุกคนแบ่งปัน  แต่ความฝันนั้นมีความเฉพาะตัวสูงและไม่ค่อยมีใครเข้าใจ  แม้นักประสาทวิทยาในปัจจุบันก็ตาม

นักวิจัยหลายคนเชื่อว่าความฝันช่วยให้เราประมวลผลความทรงจำและอารมณ์ได้ นักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆ ยืนยันว่าความฝันไม่มีความหมายและเป็นเพียงผลลัพธ์ของกระบวนการที่ไม่สมัครใจในสมอง

เรารู้จากประสบการณ์ว่าความฝันมีหลายประเภท  หลายๆเรื่องน่าเบื่อ หรือเรื่องบังเอิญ  หรือแค่เรื่องแปลกๆ  ความฝันอื่นๆดูเหมือนจะเผยให้เห็นความกลัวหรือความปรารถนาลึกๆของเรา  จากนั้นก็มีความฝันที่มีคุณสมบัติลึกลับมากขึ้น ความฝันพูดกับเราถึงสิ่งไม่จำกัดเวลา ในภาษาที่เราไม่สามารถเข้าใจได้ทั้งหมด

ความหมายทางจิตวิญญาณของความฝัน
ทั้งนักบุญออกัสตินและนักบุญโทมัส อไควนัสเชื่อว่าความฝันอาจมีความสำคัญทางจิตวิญญาณ  อย่างไรก็ตาม  พวกเขายังคิดว่าความฝันส่วนใหญ่เป็นไปตามธรรมชาติล้วน ๆ และเป็นผลจากกิจกรรมทางจิต  กระบวนการทางร่างกาย หรือสภาพแวดล้อมภายนอก

มีความฝัน 21 ประการที่กล่าวถึงในพันธสัญญาเดิมและพันธสัญญาใหม่  พระคัมภีร์บอกชัดเจนว่าบางครั้งพระเจ้าทรงตรัสกับลูกๆของพระองค์ผ่านความฝันของพวกเขา ความฝันส่วนใหญ่ในพระคัมภีร์มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ของความสัมพันธ์ระหว่างมนุษยชาติกับพระเจ้า

ความฝันทั้งเก่าและใหม่
ในพันธสัญญาเดิม  พระเจ้าทรงสื่อสารในความฝันทั้งกับผู้ถ่อมตนและผู้มีอำนาจ สำหรับยาโคบที่หนีเอาชีวิตรอด พระเจ้าทรงประทานความมั่นใจและสัญญาว่าจะได้รับการปลดปล่อยและชีวิตที่บริบูรณ์ ในขณะที่ฟาโรห์แห่งอียิปต์  พระเจ้าทรงเตือนถึงความอดอยากและความทุกข์ที่ใกล้เข้ามา

ในพันธสัญญาใหม่  พระเจ้าพระบิดาทรงส่งทูตสวรรค์ไปหานักบุญโยเซฟในความฝันหลายครั้ง  ช่างไม้ผู้ถ่อมตนยอมรับการนำทางของพระเจ้า  และน้อมรับกระแสเรียกของเขาในขณะที่เขาให้ความคุ้มครองและการนำทางแบบบิดาแก่พระเยซูวัยเยาว์


6 ความฝันในพระคัมภีร์ที่หล่อหลอมประวัติศาสตร์

ความฝันของยาโคบ (ปฐมกาล 28:12)
“แล้ว (ยาโคบ) ฝันเห็นบันได* อันหนึ่งตกลงบนพื้นและยอดขึ้นไปถึงสวรรค์ และมีทูตสวรรค์ของพระเจ้าขึ้นลงอยู่บนนั้น” (ปฐมกาล 28:12) พระเจ้าทรงรับรองกับยาโคบว่าพระองค์จะทรงอยู่กับเขาในอันตรายที่เขาเผชิญ ความฝันเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความปรารถนาของพระเจ้าที่จะอยู่ร่วมกับผู้คนของพระองค์


โยเซฟเล่าความฝันให้พี่ชายทั้ง 10 คน (ปฐมกาล 37:9)
แล้ว (โยเซฟ) ก็ฝันอีกจึงเล่าให้พวกพี่ชายฟัง  “ดูสิ ผมมีความฝันอีกอย่างหนึ่ง”  เขากล่าว  ‘คราวนี้ดวงอาทิตย์  ดวงจันทร์ และดวงดาวสิบเ อ็ดดวงก้มกราบข้าพเจ้า’”  (ปฐมกาล 37:9) นี่เป็นหนึ่งในความฝันอันศักดิ์สิทธิ์หลายประการในเรื่องราวของโยเซฟ  บุตรชายของยาโคบ ค วามฝันนี้เผยให้เห็นความโปรดปรานของพระเจ้า  สิ่งนี้กระตุ้นให้เกิดความอิจฉาริษยาในหมู่พี่น้องของโยเซฟ  แต่วันหนึ่งเขาจะช่วยพวกเขาให้พ้นจากความอดอยาก


ความฝันของกษัตริย์ซาโลมอน (1 พงศ์กษัตริย์ 3:5) “ที่เมืองกิเบโอน พระเจ้าทรงปรากฏแก่ซาโลมอนในความฝันในเวลากลางคืน พระเจ้า ทรงตรัสว่า:  สิ่งที่ท่านขอ เราจะให้ท่าน” (1 พงศ์กษัตริย์ 3:5) พระเจ้าทรงเสนอทุกสิ่งแก่ซาโลมอนหนุ่มตามที่เขาปรารถนา เมื่อเขาทูลขอสต ิปัญญาด้วยความสุภาพเรียบร้อย พระเจ้าทรงพอพระทัยและทรงตอบรับคำขอของเขา และทรงสัญญากับซาโลมอนว่าเขาจะไม่เพียงแต่ได้รับหัวใจที่ “ฉลาดและเฉียบแหลม” เท่านั้น แต่ยังได้รับความโปรดปรานอื่นๆอีกมากมายด้วย


ความฝันของกษัตริย์เนบูคัดเนสซา (ดาเนียล 2:31-35)
“ข้าแต่กษัตริย์ พระองค์ทรงเห็นรูปปั้นองค์หนึ่งซึ่งใหญ่โตและสว่างไสวอย่างยิ่ง มีลักษณะที่น่าสะพรึงกลัวเมื่อยืนอยู่เบื้องหน้าพระองค์ หัวเ ป็นทองคำบริสุทธิ์ หน้าอกและแขนเป็นเงิน ท้องและต้นขาเป็นทองสัมฤทธิ์ ขาเป็นเหล็ก เท้าเป็นเหล็กและดินเหนียวเป็นบางส่วน ขณะที่พระอ งค์เฝ้าดูอยู่นั้น มีก้อนหินก้อนหนึ่งถูกสกัดจากภูเขาโดยไม่ได้เอามือแตะ และมันก็กระแทกเหล็กและดินเหนียว ล้มง่าย จนหักเป็นชิ้นๆ” (ดาเนีย ล 2:31-35) เมื่อเนบูคัดเนสซาร์ที่ 2 กษัตริย์แห่งบาบิโลนมีความฝันอันน่าสะพรึงกลัว ประกาศกดาเนียลตีความความฝันของกษัตริย์เพื่อแสด งให้พระองค์เห็นว่าพระเจ้าทรงเที่ยงแท้องค์เดียวทรงฤทธานุภาพมากกว่ากษัตริย์องค์ใดๆบนแผ่นดินโลก เนบูคัดเนสซาร์ยอมรับความจริงนี้และกำหนดให้ดาเนียลอยู่ในตำแหน่งผู้นำ


ความฝันของนักบุญโยเซฟ (มัทธิว 2:13)
“เมื่อพวกเขาบรรดาโหราจารย์ไปแล้ว ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาเข้าฝันโยเซฟในความฝันกล่าวว่า ‘จงลุกขึ้น พาพระกุมารและพระมาร ดาหนีไปอียิปต์* และอยู่ที่นั่นจนกว่าเราจะบอกท่าน” เฮโรดจะตามหาพระกุมารเพื่อทำลายพระองค์'” (มัทธิว 2:13) ตามที่บอกไว้ในพระวรสารน ักบุญมัทธิว เฮโรดตั้งใจที่จะติดตามและทำลายพระเมสสิยาห์ที่เพิ่งจะเสด็จมา ทูตสวรรค์ถูกส่งไปหาโยเซฟในความฝัน โยเซฟได้รับคำสั่งให้นำพระกุมารเยซูไปยังอียิปต์อย่างปลอดภัยเพื่อช่วยชีวิตพระองค์


ภรรยาของปีลาต (มัทธิว 27:19)
“ขณะที่ (ปอนทิอัส ปีลาต) ยังนั่งอยู่บนม้านั่ง ภรรยาของเขาส่งข้อความมาว่า ‘อย่ายุ่งกับคนชอบธรรมคนนั้นเลย’ วันนี้ฉันต้องทนทุกข์ทรมานม ากมายในความฝันเพราะเขา'” (มัทธิว 27: 19) ภรรยาของปอนทิอัส ปีลาตมีความฝันที่เป็นลางสังหรณ์ซึ่งทำให้เธอมั่นใจในความบริสุทธิ์ของ พระเยซู ปีลาต แม้จะเย่อหยิ่งแต่ก็หวาดกลัว ไม่ยอมฟังคำวิงวอนของเธอ ประเพณีของชาวคริสต์ในเวลาต่อมาบอกว่าเธอได้ติดตามพระเยซูและถูกทรมาน


ดูแกลเลอรี่ภาพด้านล่างเพื่อดูความฝัน 6 ข้อในพระคัมภีร์ที่มีอิทธิพลต่อประวัติศาสตร์
https://aleteia.org/slideshow/slideshow-6-dreams-in-the-bible-that-shaped-history/


+++++++++
ฟ.วีระ อาภรณ์รัตน์ แปล

คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรม แผนกคริสตศาสนธรรม
อาคารเลขที่ 122/11 ซ.นนทรี 14 (ซ.นาคสุวรรณ)  ถ.นนทรี  ยานนาวา  กรุงเทพฯ 10120